เน็ตบุ๊คหน้าจอ 10.1" พร้อม TV Tuner และ SIM card slot ในราคา $220

อยาก ให้ประเทศจีนมาอยู่หลังบ้านจริงๆ เนื่องจากประเทศนี้มักผลิตของราคาถูกออกมาให้ใช้สอยกัน แม้คุณภาพอาจต้องวัดดวงกัน ล่าสุดก็มีเน็ตบุ๊คหน้าจอ 10.1" พร้อม TV Tuner และ SIM card slot ผลิตออกมาขายในราคาเพียง $220 หรือประมาณ 7,700 บาทเท่านั้นเอง



เน็ค บุ๊ครุ่นที่ว่านี้มีชื่อว่า Shanzai C200 คุณสมบัติจำเพาะหรือสเปคก็เหมือนกับเน็ตบุ๊คทั่วๆ ไปในยุคนี้คือใช้ซีพียู Intel Atom N270 1.6 GHz หน่วยความจำ 1 GB ฮาร์ดดิสก์ 160 GB หน้าจอ 10.1" มี WiFi 802.11 b/g มีกล้องเว็บแคม ที่สำคัญก็คือ เน็ตบุ๊ครุ่นนี้มี TV Tuner และช่องใส่ SIM card มาในตัวด้วย



ดู จากรูปภาพแล้ว คีย์บอร์ดจะคล้ายของ MSI Wind การวางตำแหน่งของปุ่มต่างๆ ทำได้ดี จะมีสามปุ่มใกล้ปุ่ม Shift ด้านขวาที่ีจะถูกลดขนาดเล็กน้อยเพื่อให้ปุ่ม Shift ใหญ่ขึ้น ทัชแพดมีขนาดค่อนข้างเล็ก ปุ่มคลิกมีปุ่มเดียว แต่สามารถคลิกด้านซ้ายและขวาได้ ลำโพงไม่ได้อยู่ใต้เครื่อง แต่จะอยู่เหนือคีย์บอร์ด ไฟแสดงสถานะมี 4 ดวง



Card reader ไม่ได้อยู่ด้านข้าง แต่มาอยู่ด้านหน้าใกล้ผู้ใ้ช้แทน ฝาบนไม่มีสกรีนโลโก้อะไรเลย เรียบสนิท



ด้าน ขวาของเครื่องค่อนข้างมีพอร์ทต่างๆ หนาแน่น เรียกได้ว่าทุกพอร์ทของเครื่องมาอัดอยู่ด้านขวาหมด ทำให้พอร์ท USB ถูกลดเหลือแค่ 2 ช่อง



ด้านซ้ายเรียบสนิท มีเพียงช่องระบายอากาศที่เจาะช่องไม่ค่อนข้างเล็ก



Shanzai C200 นี้นอกจากจะมี TV Tuner ในตัวแล้ว ยังมีช่องใส่ SIM card มาให้พร้อม แต่เชื่อว่าคงไม่ได้ติดตั้ง 3G Module มาให้ด้วย ใครอยากต่ออินเตอร์เนทแบบ 3G คงต้องไปซื้อ 3G Mini PCI-E card มาเสียบเพิ่ม



ใต้ เครื่องมีฝาขนาดใหญ่ฝาเดียว เปิดออกมาจะเห็นมีหน่วยความจำอยู่ทางด้านซ้าย ถัดมาทางขวาเป็น WiFi Module และที่เห็นก้อนใหญ่ๆ ก็เป็นฮาร์ดดิสก์ 2.5" ด้านบนขึ้นไปเหลือเป็น Mini PCI-E port ทิ้งไปเผื่อใครอยากจะใส่ 3G Module เข้าไป



จาก ข้อมูลในเว็บไซท์ Shanzai C200 นั้นถูกผลิตออกมาป้อนให้กับผู้ขายอื่นๆ นำไปขายในยี่ห้อตนเองอีกทีหนึ่ง เชื่อว่าคงอีกไม่นาน ก็อาจจะได้เห็นเน็ตบุ๊คสเปคนี้แต่เป็นยี่ห้ออื่นๆ ไม่แน่ อาจเป็นยี่ห้อที่เราคุ้นเคยกันก็ได้

อ้างอิง : shanzai.com

พี่จีนนี่สุดๆเลย

ถ้ามีโดราเอมอน จะเปิดประตูไปซื้อมาขายมั้ยเนี่ย ถ้าจำไม่ผิดนี่เป็นโมเดลที่สามแล้วนะเนี่ย

เกือบหละ ถ้ามี GPS และใช้ SSD เร็วนี่ ครบเลย

เสียดายมี USB สองช่องเอง

ว่าแต่ข่าวไม่ได้พูดถึงเรื่องแบตเลย

จุดขายน่าจะอยู่ที่ราคา, ดูทีวีได้, มีช่องใส่ซิม

แบตฯ น่าจะใช้ไม่ได้นาน เหมือนทั่ว ๆ ไปอะครับ

ของจีนนี่กลัวอย่างเดียวเรื่องของปลอมนี่แหละครับ

ลองนึกดูว่าถ้าใช้ Intel ปลอม แรมปลอม เวลาใช้งานเครื่องคงเอ๋อน่าดูนะ

เคยใช้ของจีนมาแล้ว ไม่ว่าจะเครื่องใช้ไฟฟ้า..และอื่นๆ ต้องยอมรับว่า

มันใช้ได้ดี....ในช่วง start แต่แล้วมันก็ไปไม่ถึงฝั่งครับ เมื่อเทียบกับ brand อื่นๆ
ที่เพิ่มราคาอีกนิดหน่อยได้ทั้งประกัน ได้ทั้งคุณภาพ

อาจจะเป็นเพราะว่าประเทศนี้ ทำแต่ของดีๆ แต่ห่วยแตก (พูดจากความรู้สึกผมนะครับ
อาจจะไปกระทบผู้ที่รักเครื่องใช้ made in china )

แต่ถ้าสินค้าที่เขียนไว้ว่า made in china สำหรับผมแล้วต้องคิดนิดหนึ่ง
ว่าซื้อไปแล้วเล่นหรือทำประโยชน์จะได้ข้ามคืนข้ามเดือนหรือเปล่า
อันนี้ต้องลุ้นเอา


แต่คุณภาพปัจจุบันอาจจะดีขึ้นแล้วมั้ง ??? หรือเปล่า

ไม่ว่านะครับ แต่ผมยอมรับเรื่อง idea และ copy สินค้าเค้า ทำได้เนียนจริงๆ
แต่พอจับต้อง สัมผัส ใช้แล้ว ต้องยอมรับเลยว่า สวยแต่รูป จูบไม่หวาน


ไม่ว่ากันนะครับ จากใจจริงผม

อ้างถึง:

ผมว่าต้องแยกระหว่างของจีนถูกๆกับ made in china เพราะสินค้าไอทีส่วนใหญ่บนโลกผลิตจากจีนทั้งนั้นครับ ซึ่งมันก็จะมีหลายเกรดแล้วแต่โรงงานที่ผลิต

อ้างถึง:

ผมซื้อรองเท้าNikeมาสองคู่ คู่ละ ราคา2400.- กับกระเป๋า1700.- จากร้านNike ที่ฟิวส์เจอร์ที่ป้ายติดmade in china ทั้งหมดเลย จะแท้จะปลอมก็made in china ผมชักหวั่นๆ ซื้อของทีดูแต่ป้ายจนลืมดูซิบดูรอยเย็บนะบางที

ของจีนบางอย่างก็ดีนะครับ แล้วแต่การผลิตจริงๆว่าเขาประณีตในการทำหรือไม่

คือถ้าแบรนด์จีนเลยเนี่ย ถือว่ามีความเสี่ยงในระดับที่สูงกว่าสินค้าทั่วไปครับ ขนาดอินเตอร์แบรนด์อย่าง Haier แบตมือถือของแท้ยังระเบิดเลย ทำให้ผมไม่ค่อยไว้ใจแบรนด์จีนเท่าไหร่ เพราะขนาดแบรนด์ดังๆ แถวหน้าของจีนอย่าง Haier หรือ TCL สินค้าคุณภาพยังไม่ค่อยได้เรื่องเลย

ส่วนสินค้าแบรนด์ประเทศอื่นแต่ Made in China อันนี้ผมไม่ค่อยซีเรียสครับ เพราะรู้ว่าเจ้าของแบรนด์นั้นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพที่เข้มงวดอยู่แล้ว เพื่อให้ได้มาตรฐานของแบรนด์เค้า ผมซื้อกล้องดิจิตอล Casio made in China งานประกอบดีมากครับ ใช้มา 4-5 ปีแล้วก็ยังใช้ได้ดีอยู่เลย

ผมว่าประเทศจีนน่ะ เค้าจะผลิตของที่มีคุณภาพก็ทำได้ครับ แต่เค้าไม่ทำ เนื่องจากแบรนด์ของจีนนั้นไม่แข็งแรงเท่าของพวกญี่ปุ่นหรือเกาหลี ถ้าผลิตสินค้าดีมีคุณภาพ ต้นทุนก็จะสูง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจากที่อื่นได้ เลยต้องลงมาแข่งสินค้าในตลาดล่าง ด้วยการใช้ราคาที่ถูกกว่ามากๆ เพื่อจูงใจคนซื้อ ทำให้ต้องไปลดต้นทุนทางด้านคุณภาพลงไปด้วย ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้สินค้าจีนยังอยู่ได้ก็ด้วยกำลังซื้อจากผู้บริโภคระดับล่างนี่แหละครับ ซึ่งมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่เน้นราคามากกว่าคุณภาพ

ผมว่าถ้าอย่างเราๆที่พอมีกำลังซื้ออยู่แล้ว ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องงบประมาณมากนัก ก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อสินค้าแบรนด์จีนก็ได้ครับ เลือกซื้อสินค้าให้เหมาะกับฐานะของเรา ก็จะได้สินค้าที่ตอบสนองความต้องการของเราได้ครับ

ผมใช้โมเด็ม HuaWei อ่านตั้งนานว่ายี่ห้ออะไร ... แต่ก็โอนะครับ บางอย่าง.....

แต่ก็เสียกะของเล็กน้อยๆบ่อยๆ พวกปากกาไฟฉาย เครื่องคิดเลข ไฟฉายแบบมีนาฬิกา

คือเห็นแล้ว โห... พี่จีนเราคิดได้เนอะ ราคาถูกด้วย บางตัวใช้ สอง-สามทีก็เจ๊ง บางตัวใช้สองสามปียังดีเยี่ยม... อยู่ที QC จริงๆ

แต่ฝีมือ+ความคิดสร้างสรรค์เขาดีมากเลยนะ โดยเฉพาะการปลอมเนี่ย บอกเลยว่าฝีมือมั่กๆ นาฬิกาสามล้าน ปลอมออกมา 50 เรือน ขายเรือนละสามแสน ยังมีคนไปชกกันแย่งซื้อซะวุ่นวาย

ออกทะเลไปมั้ยเนี่ย

อย่าคิดมากครับ iphone ก็ทำในจีน 100% ทั้งเครื่องและอุปกรณ์เสริม
ต้นทุนจริงๆ ไม่ถึงสี่พันบาท
เศร้าจัง ตาจ๊อบมันกดพวกเราได้เกือบสามหมื่น

ทุกคนมาแชร์ ได้ความรู้ดีครับ

ไม่ทะเลหรอกครับคุณเข้ม แค่ริมคลอง แฮ่ๆๆ

น่าจะกลับมาไทยในชื่อว่า i-mobile ละมั้ง