มือวาง
เป็นสมาชิกเมื่อ: 15/5/2007 16:45
กลุ่ม:
สมาชิก
|
เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เมื่อครั้งผมยังเป็นน้องใหม่ในโรงเรียนมัธยม
ผมเห็นเด็กคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ชั้นเดียวกันกำลังเดินกลับบ้านหลังเลิกเรียน
ผมจำได้ว่าเขาชื่อไคลล์
ดูราวกับว่าเขากำลังขนหนังสือทุกเล่มของเขากลับบ้านด้วย ผมคิดว่า ?ทำไมนะถึงยังมีคนหอบหนังสือทั้งหมดของตัวกลับบ้านในวันศุกร์ด้วย
หมอนี่มันจะต้องเป็นพวกคนประหลาดแน่ ๆ เลย? ผมเองนั้นมีแผนการสำหรับวันหยุดเอาไว้แล้ว นั่นคือไปงาน party และเล่นฟุตบอลกับพวกเพื่อน ๆ ตอนบ่ายพรุ่งนี้ คิดไปแล้วผมก็ยักไหล่จะเดินจากไป
แต่ขณะนั้นผมก็เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งแข่งกันตรงมายังไคลล์
จนชนเขาล้มลงคลุกฝุ่นข้างทาง หนังสือในอ้อมแขนของเขาก็ตกกระจัดกระจาย ผมเห็นแว่นตาของเขากระเด็นไปตกบนพื้นหญ้าห่างจากตัวเขาประมาณ 10 ฟุต เขาเงยหน้าขึ้น
และผมก็ได้เห็นความโศกเศร้าอย่างที่สุดในดวงตาของเขา
ใจผมวูบลงทันที ผมวิ่งเยาะ ๆ ไปหาเขา ขณะที่เขากำลังคลำหาแว่นตาของตัวเองอยู่ ผมสังเกตเห็นว่าตาของไคลล์มีน้ำตาคลอ ขณะที่ผมยื่นแว่นตาให้เขา ผมก็พูดกับเขาว่า ?งี่เง่าพวกนั้นน่ะ มันน่าจะเก็บซะจริง ๆ? ไคลล์มองผมและพูดว่า ?เฮ ขอบคุณนะ?
ด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นจากรอยยิ้มที่แสดงถึงความสำนึกขอบคุณอย่างจริง ๆ ผมช่วยเขาเก็บหนังสือ และถามว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน มันน่าแปลกใจมากที่กลายเป็นว่าบ้านของเขาอยู่ใกล้ ๆ บ้านผม ผมถามเขาว่าทำไมผมถึงไม่เคยพบเขามาก่อนเลย
เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เขาได้ไปเข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนเอกชน
ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่เคยได้คบหากับเด็กโรงเรียนเอกชนด้วย ผมช่วยเขาหอบหนังสือและเราสองคนก็พูดคุยกันไปตลอดทางที่กลับบ้าน ผมพบว่าไคลล์เป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจทีเดียว ผมถามเขาว่าต้องการจะมาเล่นฟุตบอลด้วยกันกับผมและเพื่อนในวันเสาร์รึเปล่า เขาตอบตกลง
ดังนั้นเราสองคนก็ได้ใช้เวลาในวันหยุดด้วยกันกับพวกเพื่อน ๆ ผม
และยิ่งผมได้รู้จักไคลล์มากขึ้นเท่าไรผมก็รู้สึกชอบเขามากขึ้นเท่านั้น พวกเพื่อน ๆ ของผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ในเช้าวันจันทร์ถัดมาผมก็ได้เจอไคลล์อีกพร้อมหนังสือกองโตเต็มหอบแขน
ผมหยุดเขาและพูดกับเขาว่า ?ให้ตายเถอะ นายคิดที่จะเพาะกล้ามด้วยกองหนังสือพวกนี้ทุกวันเลยงั้นเหรอ!??
ไคลล์หัวเราะและแบ่งหนังสือครึ่งหนึ่งให้ผมช่วยถือ จากวันนั้นมาจนตลอด 4 ปี ไคลล์และผมก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก จนเมื่อพวกเราได้เป็นรุ่นพี่ปีสุดท้าย
พวกเราก็ต่างเริ่มคิดถึงเรื่องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ไคลล์ตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Georgetown ส่วนผมก็จะไปเรียนที่ Duke
ผมรู้ดีว่าเราจะยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่เสมอและระยะทางห่างไกลนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา สำหรับความสัมพันธ์ของเราเลย ไคลล์จะเรียนให้จบแพทย์
และผมก็จะเรียนทางด้านธุรกิจโดยใช้ทุนการศึกษาของทีมฟุตบอล ไคลล์ถูกเลือกให้เป็นผู้กล่าวคำอำลาในพิธีจบการศึกษาของชั้นเรา ผมยังคงล้อเลียนเขาอยู่ตลอดเวลาในเรื่องที่ว่าเขาเหมือนพวกคนประหลาด ในขณะที่เขาต้องเตรียมสุนทรพจน์สำหรับงานการจบการศึกษา ผมก็รู้สึกดีใจมากที่ไม่ใช่เป็นผม ที่จะต้องขึ้นไปพูดบนเวที ในวันงานจบการศึกษา ผมมองดูไคลล์ และคิดว่าเขาดูดีมากทีเดียว ไคลล์นับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาคนหนุ่มที่ในที่สุดก็สามารถค้นพบตัวเองในช่วงชีวิต ของนักเรียนมัธยม ไคลล์มีรูปร่างล่ำสันขึ้น และดูเหมาะมากกับแว่นตา เขามีนัดกับสาว ๆ มากกว่าผมอีก และพวกผู้หญิงก็รักเขาทุกคน ให้ตายเถอะมันทำให้ผมอดนึกอิจฉาไม่ได้ในบางครั้ง ผมสังเกตเห็นว่าไคลล์กำลังกังวลเกี่ยวกับการกล่าวสุนทรพจน์ ผมจึงเข้าไปตบหลังให้กำลังใจและพูดว่า ?เฮ้ หนุ่ม ..นายจะต้องทำได้เยี่ยมอย่างแน่นอน!? ไคลล์มองผมด้วยสายตาเช่นทุกครั้ง สายตาที่แสดงความขอบคุณอย่างจริง ๆ เขายิ้มพร้อมพูดว่า ?ขอบคุณ? ไคลล์กระแอม และ ได้เริ่มต้นสุนทรพจน์ของเขาว่า?.
?วันจบการศึกษา
เป็นโอกาสที่เราจะได้ขอบคุณบรรดาผู้ซึ่งได้ช่วยเหลือพวกเราให้ผ่านพ้นปีแห่งความยากลำบาก
พวกเขาเหล่านั้นก็คือ พ่อ แม่ คุณครู พี่น้องของคุณ หรือแม้แต่โค้ชกีฬาของคุณด้วย
แต่อันที่จริงแล้วผู้ที่คอยช่วยเหลือคุณมากที่สุดนั้นก็คือเพื่อน ๆ ของคุณนั่นเอง ผมได้มายืนอยู่ ณ ที่นี้ก็เพื่อที่จะบอกคุณทุกคนว่า การได้รับความเป็นเพื่อนจากใครบางคนนั้น นับเป็นการได้รับของขวัญอันสุดวิเศษ
และผมขอยืนยันสิ่งนี้ด้วยการเล่าเรื่องของผมให้พวกคุณ??
ผมมองไคลล์ เพื่อนคนนี้ของผมอย่างไม่เชื่อสายตา ในขณะที่เขาเล่าถึงวันแรกที่เราสองคนได้พบกัน
เขาเล่าว่าเขาได้วางแผนที่จะฆ่าตัวตายในช่วงวันหยุด
โดยเขาเตรียมการทำความสะอาดล๊อคเกอร์เก็บของที่โรงเรียน และขนของทุกอย่างในนั้นกลับบ้าน
เพื่อที่แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องลำบากมาทำให้เขาอีกในภายหลัง ไคลล์มองนิ่งมาที่ผมพร้อมยิ้มน้อย ๆ ?น่าขอบคุณจริง ๆ ที่ผมได้ถูกช่วยชีวิตไว้?เพื่อนของผมช่วยผมไว้จากการตัดสินใจกระทำสิ่งซึ่งจะ ทำให้ผมไม่มีโอกาสได้มายืนพูดอยู่ ณ ที่นี้อีกเลย? ผมได้ยินเสียงเฮือกหายใจจากกลุ่มคนที่อยู่ในพิธี
ในขณะที่ได้ฟังเด็กหนุ่มรูปหล่อที่เป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาเล่าให้ฟังถึงช่วง เวลาแห่งความอ่อนแอในชีวิต?ผมได้เห็นแม่และพ่อของไคลล์มองมาที่ผม พร้อมรอยยิ้มแสดงความขอบคุณอย่างเดียวกันและในบัดนั้นเองที่ผมได้เข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของคำที่ว่า คนเราไม่ควรประเมินค่าในการกระทำของตนเองน้อยไป เพราะเพียงแค่สิ่งเล็กน้อยที่คุณแสดงต่อใครบางคน ก็สามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาคนนั้นได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นในทางดีหรือทางร้ายก็ตาม ในความเป็นเพื่อนนั้น พวกเราได้ถูกกำหนดให้มาพบเจอกันเพื่อที่จะได้ช่วยเป็นแรงผลักดันในชีวิตของกันและกันในทางใดทางหนึ่ง...
ไคลล์จบสุนทรพจน์ของเขาว่า ...."เพราะ?เพื่อนคือ ฑูตสวรรค์ ผู้ที่จะช่วยโอบอุ้มเราให้สามารถยืนหยัดบนขาได้อีกครั้ง เมื่อปีกของเราลืมวิธีการที่จะบินไปชั่วขณะหนึ่ง?
โพสเมื่อ : 30/11/2009 8:52
|