รูปร่างหน้าตากลับมาที่ตัวเครื่อง แกะถุงพลาสติกออกไป ก็เริ่มเห็นลวดลายบนฝาเครื่อง เรื่องวัสดุกับลวดลายนี้ เอาไว้พูดถึงทีหลัง
----------
เสียบแบตลงไป แล้วก็เปิดฝาขึ้นมา มีแผ่นรองคีย์บอร์ดใส่ไว้ เอาออกไปซะ ก็จะเป็นคีย์บอร์ดแบบชิกเคล็ต แน่นอนว่าไม่มีสกรีนภาษาไทยบนปุ่ม
----------
ก่อนที่ผมจะทำอะไรเปิดเครื่องครั้งแรก ก็เป็นปรกติที่ผมจะเสียบชาร์จแบตจนเต็มเสียก่อน เพราะไม่รู้ว่าเครื่องเก็บไว้ในกล่องนานแค่ไหน แบตถูกDischargeไปแล้วเท่าไหร่ ก็เลยชาร์จมันให้เต็มซะก่อน ใช้เวลาชาร์จจนเต็มไปเกือบสองชั่วโมง ชาร์จเสร็จก็พาเครื่องไปให้ผีหลอกสักรอบก่อน เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นทีหลัง จะได้พากลับไปหาผีเพื่อคืนค่าฮาร์ดดิสทั้งลูกในสภาพก่อนเปิดเครื่อง ขั้นตอนให้ผีหลอกนี่ใช้เวลาไปอีกเกือบสองชั่วโมง เรียกว่าใช้เวลาไปเกือบสี่ชั่วโมง ก่อนจะเปิดเครื่องใช้งานจริง ก็เป็นอันจบขั้นตอนการเปิดกล่องแล้ว
วัสดุและการประกอบเท่าที่ผมอ่านรีวิวของเจ้าTM2จากเว็บนอกหลายๆแห่ง เรื่องของรูปร่างหน้า และวัสดุที่ใช้ในการประกอบเป็นTM2 เป็นเรื่องที่พูดถึงกันค่อนข้างเยอะอยู่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะรีวิวไว้ค่อนข้างดี
เริ่มจากวัสดุที่ใช้ทำฝาหลังและรอบคีย์บอร์ดก่อน วัสดุที่ใช้จะเป็นอลูมิเนียมบริสุทธิ์ (Pure-grade Aluminium) บางที่ก็บอกว่าเป็นวัสดุที่ใช้ในอากาศยาน ขัดลายหยาบนิดหน่อยแบบอาเจนโต้ (Agento Brush) ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ใช้ในโน๊ตบุ๊ครุ่น Envy ของ HP เอง สีของตัวเคสจะเปลี่ยนเล็กน้อยตามความเข้มของแสงรอบข้าง พอเอาไปนอกบ้านที่มีแสงสว่างมากๆสีจะออกไปทางสีเงิน แต่พอใช้เอามาใช้ในห้องที่เป็นแสงจากหลอดไฟ สีจะออกเหลือบอมม่วง แต่เท่าที่ผมลองหิ้วเครื่องเข้าๆออกๆบ้าน สีที่เปลี่ยนแปลงตามแสงก็มีแค่นิดหน่อย ไม่ได้เปลี่ยนจนเห็นได้ชัดเจนอะไรมากมาย
----------
ลวดลายจะเป็นลักษณะการสลักตื้นๆ ลงไปในเนื้อวัสดุ ไม่ใช่การพิมพ์ลายเหมือนหลายๆรุ่น ลวดลายที่ใช้ทางHPเรียกว่าเป็นลาย Riptide (โดยความหมายแปลตรงๆก็คงประมาณ?คลื่นกระทบฝั่ง? ความหมายในบ้านเราฟังดูไม่ค่อยดีแฮะ) ลวดลายนี้ดูๆไปก็คล้ายลายน้ำ หรือดูอีกทีก็คล้ายลายไทยอยู่เหมือนกัน ลวดลายที่ว่าจะสลักอยู่สองจุด คือบริเวณซีกขวาของฝาด้านหลังจอ กับบริเวณด้านขวาของทัชแพ็ด
----------
ตัวถังของเคส ตอนแรกผมนึกว่าเป็นพลาสติก แต่พออ่านข้อมูลดูก็ถึงรู้ว่ามันเป็นแม็กนีเซียมอัลลอย (Magnesium Alloy) ซึ่งเข้าใจเอาเองว่ามันน่าจะแข็งแรงทนทานกว่าพลาสติก โดยเฉพาะเมื่อใช้ไปนานๆ เท่าที่ลองเคาะๆ กดๆ ไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นวัสดุอื่นที่ไม่ใช่พลาสติก แต่ยังไงจุดนี้ผมไม่ขอทดสอบความแข็งแรงของตัวเคสนะครับ ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ
โดยรวมในเรื่องของวัสดุที่ใช้ กับการเก็บรายละเอียดจุดต่างๆ เช่นบริเวณมุม ความเรียบร้อยในการประกอบ ผมว่า HP ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว แต่ก็มีบางจุดที่มีปัญหาอยู่บ้าง ในเครื่องที่ผมได้มา บริเวณคิ้วด้านข้างที่เป็นวัสดุสีดำเงาแบบผิวเปียโน บางบริเวณจะออกด้านๆ เงาไม่ทั่วถึง แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเล็กๆน้อยๆ ถ้าให้ผมให้คะแนนเรื่องวัสดุกับการประกอบ ผมคงให้ที่ 8 เต็ม 10
หน้าจอเรื่องหน้าจอถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของโน๊ตบุ๊ครุ่นนี้ HP TM2 ใช้หน้าจอขนาด 12? แบบ LED Backlit Gross HP Brightview แสดงผลความละเอียด 1280x800 (WXGA) อัตราส่วนหน้าจอ 16:10 ดูไม่เป็น Widescreen เต็มตัวเท่าไหร่ คือหน้าจอจะดูสูงนิดหน่อยถ้าเทียบกับจอที่เป็น 16:9 ทั่วๆไป แต่สำหรับผมในเรื่องของขนาดและความละเอียดของเครื่องนี้ก็กำลังดี ขนาดอยู่ระหว่างโน๊ตบุ๊คกับเน็ตบุ๊คพอดี ไม่เล็กจนต้องเพ่งสายตา และก็ไม่ใหญ่เกินไปจนเทอะทะ ส่วนเรื่องความสว่างความคมชัดถือว่าใช้ได้ ตามสเป็กบอกไว้ว่า Contrast 250:1, Brightness: 200 nits
ผมลองเปิดหน้าจอ แล้วผลักหน้าจอกลับไปข้างหลัง หน้าจอจะเปิดได้กว้างสุดๆ เปิดได้เป็นเส้นตรงเลย คงเกิน 180 องศาไปนิดหน่อย
----------
การหมุนหน้าจอ จะใช้ฐานหมุนแบบแกนเดียว ตัวฐานชิ้นเดียวดูแข็งแรงแน่นหนาดี แต่ก็มีข้อที่ต้องระวังเกี่ยวกับหน้าจอที่หมุนได้แบบนี้อยู่สองข้อ คือ
-ห้ามจับที่ตัวหน้าจอเพื่อยกเครื่อง(ห้ามหิ้ว ว่างั้น...) เพราะฐานหน้าจอไม่ได้ออกแบบมาให้รับน้ำหนักตัวเครื่อง แกนมันจะหักเอาง่ายๆ
-หน้าจอจะหมุนได้ทั้งทางซ้ายและขวา ถ้าหมุนไปด้านไหนเพื่อเปิด ก็ต้องหมุนกลับในทางตรงข้ามเสมอเวลาปิด ถ้าหมุนแล้วติด หมุนไม่ไปแสดงว่าหมุนผิดด้าน ห้ามฝืนหมุนต่อไปเด็ดขาด จะทำให้สายด้านในหลุดหรือขาดได้
----------
ด้วยความที่มันเป็น Covertible Notebook ก็แน่นอนว่าต้องมากับหน้าจอมัลติทัช ซึ่ง TM2 จะใช้มัลติทัชของ Wacom (รุ่นTXจะใช้ของค่ายอื่น) รองรับการสัมผัสได้สองจุด (แปลว่าถ้าจิ้มไปสามนิ้วมันจะงงทันที) เท่าที่ลองใช้งานดูเกือบสัปดาห์ ถือว่าความแม่นยำของจุดถือว่าดีมาก จิ้มตรงไหนก็ตรงนั้น แต่ความไวในการตอบสนองผมว่ายังไม่ถึงกับดีเท่าไหร่ มีหลุดให้เห็นบ้างเป็นบางครั้ง
แต่จุดเด่นที่พูดถึงในเรื่องหน้าจอของเครื่องรุ่นนี้ ไม่ใช่เรื่องของขนาดหน้าจอหรือมัลติทัชที่พูดไปแล้วนะครับ จุดเด่นที่ว่าคือรุ่นนี้จะมีแผงดิจิไทเซอร์ ของ Wacom อยู่อีกชั้นนึง ใครที่เคยใช้แท็บเบล็ตของ Wacom คงรู้ดีว่าเค้าเป็นผู้นำเรื่องนี้มานานแล้ว TM2 มีแผง Active Digitizer ที่รองรับความแรงในการกด 256 ระดับ อยู่อีกชั้นหนึ่ง ใช้ร่วมกับปากกาของWacomที่เสียบเก็บไว้ข้างเครื่อง ใครที่ใช้งานด้านกราฟฟิกบ่อยๆคงชอบจุดนี้เป็นพิเศษ
TM2 และคงรวมถึง Convertible Notebook / Netbookรุ่นอื่นๆที่พับหน้าจอกลับได้ คงต้องหาวิธีทำให้แผงหน้าจอมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่เคลื่อนหรือเลื่อนเวลาปิดฝาลงมา ในรุ่นTM2 จะใช้ปุ่มล็อกขนาดสูงประมาณครึ่งเซนต์อยู่บริเวณสองข้างของตัวเครื่อง และร่องสำหรับปุ่มล็อกนี้บนตำแหน่งเดียวกันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้เวลาปิดจอลงมา หน้าจอก็จะเสียบเข้ากับปุ่มล็อกนี้พอดี ทำให้จอไม่เคลื่อนที่ไปมาเวลาใช้งาน
----------
แต่... เรื่องหน้าจอของเครื่องรุ่นนี้ ก็ไม่ใช่จะมีแต่ข้อดีนะครับ ข้อเสียที่ผมเจอชัดๆในตอนนี้มีอยู่สองข้อใหญ่ๆ
1. หน้าจอแบบกระจก ที่ลำพังเล่นอยู่ในห้อง มันก็ค่อนข้างสะท้อนแสงค่อนข้างมากอยู่แล้ว ถ้าเอามันไปเล่นนอกห้อง หรือกลางแจ้ง มันจะกลายสภาพจากจอกระจกไปเป็นกระจกเงาทันที สาวๆอาจชอบจุดนี้ก็ได้ เพราะจะได้กระจกเงาอย่างดีแต่งหน้าทาปากได้เลยแหละ ใครคิดจะซื้อเครื่องนี้ไปใช้งานภายนอก ก็ขอให้คิดใหม่นะครับ
ข้อเสียอีกข้อที่เกิดจากการใช้จอกระจกแบบนี้คือ เวลาใช้นิ้วจิ้มสั่งงานบนหน้าจอ รอยนิ้วมือมันจะติดค่อนข้างง่าย ถึงHPจะมีการเคลือบผิวหน้าจอมาแล้วก็เหอะ เวลาใช้งานเปิดหน้าจออยู่ จะไม่ค่อยเห็นรอยนิ้วเท่าไหร่ แต่พอปิดหน้าจอ รอยนิ้วจะเห็นได้อย่างชัดเจน ดูเลอะเทอะไปหมด ต้องคอยเช็ดออกบ่อยๆ
2. มุมในการมองค่อนข้างแคบ ตามสเป็กที่หามาได้คือมุมมองมันอยู่ที่ ±40องศาตามแนวนอน และ+120 -40 ในแนวตั้ง เอาเป็นว่าถ้ามองจอเยื้องไปแค่ไม่มาก ก็มองไม่ค่อยเห็นแล้ว
ส่วนข้อเสียปลีกย่อย(ในความเห็นผม) ก็มีอยู่สองข้อเหมือนกัน
1. ไม่มีตัวจับตำแหน่งการหมุนหน้าจอ เวลาหมุนจากแนวตั้งไปเป็นแนวนอน มันจะไม่เปลี่ยนโหมดเอง ต้องกดปุ่มเล็กๆที่อยู่ด้านขวาของจอ แต่จริงๆแท็บเบล็ตหรือConvertibleรุ่นอื่นๆ ก็ยังไม่มีตัวจับการหมุนเหมือนกัน ผมเลยไม่ได้เรียกว่าเป็นข้อเสียหลัก แค่ถ้ามีฟีเจอร์นี้ก็จะดีมาก เพราะบางทีต้องกดปุ่มหลายครั้ง กว่าจะหมุนไปเจอตำแหน่งที่ต้องการใช้งาน
2. ถ้าไม่ได้ใช้งานทัชสกรีนพักนึง มันจะเกิดอาการหลับ คือจิ้มแล้วไม่รับคำสั่งทันที ต้องรอมันตื่นแป๊ปนึงก่อน ถึงจะใช้เวลาไม่นาน แต่บางทีมันก็ไม่ทันใจเหมือนกัน อันนี้เข้าไปปรับตั้งค่า Power Saving ของแผงหน้าจอได้ คือเซ็ตให้มันไม่ต้องเข้าโหมดประหยัดพลังงาน ตื่นตลอดพร้อมใช้งาน ว่างั้น...
ปากกาดิจิไทเซอร์ได้พูดถึงไปแล้วว่าTM2มีทั้งมัลติทัช และ ดิจิไทเซอร์ของWacom มันก็เลยมาพร้อมกับปากกาของ Wacom ซึ่งเป็นแบบ EMR ที่ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ บนตัวปากกาจะมีปุ่มคลิ๊กปุ่มเดียว ใช้แทนการคลิ๊กซ้ายของเมาส์ และที่ปลายด้านหลังจะเป็นยางลบที่ใช้กับโปรแกรมพวก Corel PaintIt! Touch หรือ PhotoShop
----------
แผงดิจิไทเซอร์ที่ใช้ร่วมกับปากกานี้ รับแรงกดได้ 256 ระดับ ถึงจะไม่ดีเท่าแท็บเบล็ตที่ขายแยกทั่วไป แต่ก็เพียงพอสำหรับการเขียนหรือสเก็ตรูปภาพได้ ผมลองใช้โปรแกรม Corel PaintIt! Touch ที่ให้มากับเครื่อง ลากเส้นเบาๆหนักๆดู ก็ใช้งานได้ดี ไม่รู้สึกขัดมือ
คีย์บอร์ดและทัชแพ็ดคีย์บอร์ดจะเป็นคีย์บอร์ดเหมือนรุ่น Envy ซึ่งปุ่มแบบชิคเคล็ต ที่ HP เรียกว่าเป็นแบบ Island Style ลักษณะของปุ่มจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสลอยตัวขึ้นมาเล็กน้อย ลองวัดขนาดปุ่มได้ 1.5 x 1.5cm แต่ละปุ่มวางห่างกันประมาณ 0.4cm เคลือบผิว Duracoat ป้องกันการลอกเลือน เท่าที่ใช้พิมพ์อะไรไปเรื่อยๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็รู้สึกว่าพิมพ์ได้ง่ายปรกติ ปุ่มกดไม่แข็งกระด้าง ไม่พบปัญหาอะไรในการพิมพ์
----------
สังเกตุดูดีๆจะเห็นว่าคีย์บอร์ดของTM2 มีจุดนึงที่แปลกไปจากคีย์บอร์ดรุ่นอื่น คือในแถวแรก ปุ่ม Function 1-12 แทนที่กดแล้วใช้ได้เลย กลับต้องกดปุ่ม Fn ก่อนถึงจะกดใช้งานได้ เพราะ HP เค้าเอาปุ่มควบคุมมัลติมีเดียต่างๆมาไว้ในคีย์บอร์ดแถวบนแทนเพื่อความสะดวกในการใช้งาน(มั้ง) แต่ตรงนี้ก็เข้าไปปรับตั้งใน BIOS ให้มันทำงานตามปรกติเหมือนคีย์บอร์ดทั่วไปก็ได้
อีกจุดที่แผงคีย์บอร์ดของTM2 จะต่างจากรุ่นทั่วๆไปอีกจุดนึงก็คือ มันจะมีไฟแสดงสถานะอยู่บนบางปุ่ม คือปุ่มปิด/เปิดเสียง, ปุ่ม Wifi และปุ่ม Caps Lock
จุดที่ผมไม่ค่อยชอบในคีย์บอร์ดของรุ่นนี้มีจุดเดียว คือบริเวณฐานของแผงคีย์บอร์ด จะเป็นสีดำเงา แบบผิวเปียโนเงาๆมันๆ ทำให้เวลาพิมพ์สักพักจะมีรอยนิ้วติดอยู่ที่ฐานคีย์บอร์ดเต็มไปหมด ต้องคอยเช็ดออกเรื่อยๆ
----------
TM2 จะเรียกทัชแพ็ดว่า คลิ๊กแพ็ด แต่ผมขอเรียกตามชื่อทั่วไปของมันนะครับ สะดวกปากกว่า ฮาร์ดแวร็ที่ใช้เป็นของ Synaptics แบบมัลติทัชสองจุด ปรับตั้งการใช้งานต่างๆได้ในโปรแกรมที่ให้มา (เหมือนเครื่องทั่วๆไป) จุดเด่นคือมันมีขนาดใหญ่สะใจมาก ผมลองวัดขนาดพื้นที่ของทัชแพ็ดแล้วได้ขนาด 9.5 x 6cm พื้นผิวของทัชแพ็ดเป็นแบบผิวเรียบ ออกสากนิ้วนิดๆ ส่วนปุ่มคลิ๊กซ้ายขวาจะแบบไม่มีปุ่มให้เห็น แต่ถ้าลองกดๆดูมีเสียงคลิ๊กเบาๆ แสดงว่าจริงๆมันก็มีปุ่ม แต่ปิดไว้ด้วยแผ่นทัชแพ็ด บริเวณมุมซ้ายบนที่เห็นเป็นจุดกลมๆ จะเป็นไฟแสดงการทำงานของทัชแพ็ด การเปิดปิดก็แค่ดับเบิ้ลคลิ๊กที่มุมนี้ ถ้าปิดการใช้งานอยู่ก็จะมีไฟสีแดงติดตรงมุมนี้
พื้นที่ในการใช้งานลากนิ้วเพื่อบังคับเคอร์เซอร์ ไม่ได้จำกัดแค่บริเวณบนปุ่มกด แต่กินพื้นที่ทั้งหมดของปุ่มกดด้วย ถ้าเราลากนิ้วพยายามให้นิ้วอยู่เฉพาะบริเวณด้านบนของปุ่มกด หรือเอานิ้วของมือซ้ายวางไว้บนปุ่มกดเหมือนที่ใช้งานทัชแพ็ดรุ่นอื่นๆ ก็จะทำให้นิ้วไปแตะโดนบริเวณปุ่ม ซึ่งเป็นพื้นที่เลื่อนเมาส์ ทำให้เคอร์เซอร์กระโดดลงมา เพราะทัชแพ็ดเข้าใจว่าต้องการเลื่อนเคอร์เซอร์มาด้านล่าง อันนี้ต้องปรับตัวกันนิดหน่อย
แต่... เท่าที่ผมใช้ทัชแพ็ด บอกตามตรงว่าผมไม่ชอบมันซะเลย รู้สึกว่ามันค่อนข้างใช้งานค่อนข้างยาก ทีแรกเข้าใจว่าผมยังไม่คุ้นเคยกับมัน แต่หลังจากใช้งานมาเกือบอาทิคย์ ผมก็ยังไม่คุ้นกับมันอยู่ดี อาการที่เจอคือ ตำแหน่งเคอร์เซอร์บางครั้งอยู่ๆมันก็กระโดดไปจุดอื่น ลากนิ้วแล้วเคอร์เซอร์มันไม่เคลื่อนตามที่ตั้งใจ ปุ่มคลิ๊กขวาคลิ๊กยากและกลายเป็นคลิ๊กซ้ายในบางครั้ง บางทีจะต้องการเลื่อนเคอร์เซอร์เฉยๆ(ใช้นิ้วเดียว) มันก็เลื่อนหน้าจอให้ซะงั้น อธิบายอาการยากเหมือนกัน จนสุดท้ายผมต้องเข้าไปปรับค่าในวินโดวส์ ยกเลิกการเพิ่มความแม่นยำของทัชแพ็ดที่กำหนดเป็นค่าตั้งต้น และยกเลิกการใช้งานมัลติทัชทั้งหมด การใช้งานทัชแพ็ดก็ถึงกลับมาใช้งานได้ง่ายขึ้นอีกที แต่ก็ยังรู้สึกว่าใช้งานยากกว่ารุ่นอื่นที่เคยใช้อยู่ดี
ลำโพงอันนี้เป็นอีกจุดที่ผมชอบ คือตำแหน่งของลำโพงที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ แทนที่จะอยู่ใต้เครื่องเหมือนบางรุ่น ทำให้เสียงดังชัดเจนดีมาก ซาวน์การ์ดและลำโพงที่ใช้เป็นของ ALTEC Lansing ที่ค่อนข้างมีชื่อในเรื่องลำโพงคอมพิวเตอร์ ระดับเสียงเป็น Dolby Advanced Audio ปรับโหมดเสียงได้ในไดร์เวอร์ ผมลองเปิดเพลงฟัง แล้วต่อด้วยหนังหนึ่งเรื่อง โดยใช้ลำโพงนี้ รู้สึกว่าคุณภาพเสียงค่อนข้างดีในระดับลำโพงโน๊ตบุ๊ค ระดับเสียงค่อนข้างดัง เสียงแหลมคมชัดเจน จะมีก็เสียงเบสที่ออกจะค่อนข้างเบา ไม่หนักแน่นเท่าไหร่ แต่ก็เป็นปรกติของลำโพงโน๊ตบุ๊คอยู่แล้วที่เอาอะไรกับคุณภาพเสียงไม่ค่อยได้
เว็บแค็มสำหรับเว็บแค็มของ TM2 เรียกได้ว่าไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักนิด คือเป็นกล้อง VGA Low-light ธรรมดา ตำแหน่งของกล้องจะอยู่ด้านบนของจอ หมุนกล้องไม่ได้ เท่าที่ทดลองใช้ถ่ายวีดีโอและรูปภาพ คุณภาพออกมาไม่ต่างกับเว็บแค็มทั่วไปสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าสำหรับเรื่องเว็บแค็มในรุ่นนี้ไม่มีอะไรพิเศษเลยครับ ส่วนทั้งสองด้านของเว็บแค็มเป็นรูไมค์โครโฟนสองช่อง (สเตอริโอไมค์)
รอบๆเครื่องพอร์ตสำหรับรุ่นนี้ให้มาค่อนข้างครบ ตำแหน่งของแต่ละพอร์ตก็ถือว่าลงตัวดี เรามาดูกันทีละด้านนะครับ
----------
ด้านหน้าไม่มีพอร์ตใดๆ โล้นเลี่ยนเตียน มีแค่ช่องระบายความร้อนอยู่ตรงกลาง
----------
ด้านซ้ายไล่จากซ้ายมาขวาจะเจอช่องระบายความร้อนขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ด้านล่าง ตามมาด้วยพอร์ต HDMI ที่รองรับเวอร์ชั่น 1.3 แสดงผลออกจอภายนอกได้ละเอียดสูงสุด 1920x1200 ถัดมาทางขวาอีกนิดเป็นช่องต่อ USB ตามมาด้วยช่องเสียบหูฟังกับไมค์ที่ใช้รวมกันแค่รูเดียว (แจ๊คเสียบเป็นแบบสี่ขั้ว) แต่ถ้าจะใช้เป็นหูฟังอย่างเดียวก็ใช้หูฟัง 3.5mm ที่มีขายทั่วๆไปก็ได้ ส่วนทางขวาสุดเป็นช่องเสียบเก็บปากกา เวลาเก็บปลายปากกาจะยื่นออกมานิดหน่อย ทำให้กดออกมาได้ง่าย แต่ก็ต้องระวังเผลอกดโดนแล้วปากกาหล่นหาย ใช้สายคล้องไว้ก็ดีครับ
----------
ด้านขวาด้านขวาเป็นฝั่งที่มีช่องต่างๆเยอะที่สุด ไล่จากซ้ายไปขวาเหมือนเดิม ทางซ้ายสุดมีสวิทซ์เลื่อนเปิด/ปิดเครื่อง กับสวิทซ์กดเปิด/ปิดไวไฟ(กดบนคีย์บอร์ดได้เหมือนกัน) มาทางขวาเกือบๆตรงกลางเป็นช่อง 5-in-1 Card Reader
บนหน้าจอทางด้านขวาจะมีปุ่มเล็กๆสำหรับหมุนภาพบนหน้าจอ เอาไว้ใช้ตอนพับจอไปเป็นแท็บเบล็ต โดยจะหมุนจอไปทีละ90องศาไปเรื่อยๆจนวนรอบ
----------
ด้านหลังด้านหลังก็โล่งๆ มีแค่ช่อง Kensington Lock ทางซ้าย และช่องต่อ VGA แบบ DSUB 15 พิน และช่องRJ45สำหรับต่อสาย LAN 10/100/1000 Base-T ที่มีฝาปิดป้องกันฝุ่นอยู่ทางขวาสุด
----------
ด้านล่างด้านล่างของเครื่อง จะมีช่องเปิดสำหรับอัปเกรดอุปกรณ์อยู่สองช่อง ช่องซ้ายเป็นช่องเปิดเพื่อเปลี่ยนฮาร์ดดิสขนาด2.5? กับสล็อต PCI-e หนึ่งสล็อต สำหรับต่ออุปกรณ์เพิ่ม เช่น การ์ด3G ส่วนช่องขวาเป็นช่องสำหรับเปลี่ยนเพิ่มRAM (คงไม่มีใครเปลี่ยนเพื่อลดRAMมั้ง) ช่องเสียบRAMจะมีสองช่องหันหน้าออกจากกัน ข้างๆช่องRAM เป็นสล็อต PCI-e ที่เสียบการ์ด Wifi อยู่ (ต้องขออภัยด้วยที่ผมไม่ได้เปิดสองช่องนี้ออกมาถ่ายรูปให้ดู)
ปุ่มสไลด์สำหรับล็อกแบตเตอรี่จะเป็นปุ่มใหญ่ๆอยู่ด้านซ้ายด้านเดียว ต้องระวังนิดนะครับ ผมเคยเปิดเครื่องไว้แล้วนึกว่าปุ่มนี้จะแค่ล็อกแบตเอาไว้ในช่อง แต่พอเลื่อนปุ่มนี้แบตมันก็เด้งออกมาทั้งก้อน เครื่องดับไปเลย (พอดีไม่ได้เสียบอแดปเตอร์ไว้)
----------
ขนาดและน้ำหนักความกว้างยาวของตัวเครื่องเกือบเท่ากับกระดาษ A4 ก็ไม่ถือว่าใหญ่จนเกินไปในฐานะที่เป็นโน๊ตบุ๊ค แต่ก็ไม่ได้เล็กกระทัดรัดในแบบของเน็ตบุ๊ค เรียกว่าขนาดมันกลางๆ ไม่ค่อนไปทางไหนทางหนึ่งระหว่างโน๊ตบุ๊คหรือเน็ตบุ๊ค แต่ในเรื่องความหนาต้องยอมรับว่าเครื่องรุ่นนี้ค่อนข้างหนา โดยส่วนด้านหน้าของเครื่องจะหนาราวๆ 1 นิ้ว และหนาที่สุด 1.5นิ้วบริเวณท้ายเครื่องตรงจุดที่ใส่แบตเตอรี่ จุดนึงที่ทำให้เครื่องดูหนาคือความหนาของหน้าจอ เพราะดูๆแล้ว ความหนาของตัวเครื่องกับความหนาของหน้าจอ หนาเกือบจะเท่ากัน (ด้านละประมาณครึ่งนิ้ว)
----------
ส่วนเรื่องน้ำหนักตามสเป็กที่เขียนบอกไว้ในคู่มือ เครื่องรวมแบ็ตมีน้ำหนัก 2.15kg ซึ่งถือว่าค่อนข้างหนักเหมือนกัน ครั้งแรกที่ผมใส่แบตเข้าในเครื่องแล้วยกขึ้นมาก็ถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน คงเพราะช่วงหลังผมใช้แต่เน็ตบุ๊คน้ำหนักเบาๆเป็นหลัก พอมาเจอน้ำหนักขนาดนี้เลยรู้สึกว่ามัน ?หนักจัง...? รู้สึกเหมือนถือเน็ตบุ๊คพร้อมกันทีเดียวสองเครื่อง ยังไงยั่งงั้น แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นโน๊คบุ๊ค ไม่ใช่เน็ตบุ๊ค น้ำหนักระดับนี้ก็ถือว่าเป็นปรกติ ไม่ได้หนักมากมายอะไร
ด้วยความอยากรู้ กับชักไม่เชื่อสเป็กว่ามันจะหนักแค่2.15kg ก็เลยหิ้วมันไปชั่งดูกับตา ก็ปรากฏว่ามันหนักตามสเป็กนั่นแหละ บวกลบนิดหน่อยตามความแม่นของตาชั่ง ผมก็เลยสงสัยต่อว่ามันหนักที่ตัวเครื่องหรือหนักที่แบตเตอรี่ พอถอดแบตออกมาถือดู น้ำหนักเฉพาะแบตฯค่อนข้างเบา แสดงว่าน้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวเครื่องมากกว่า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวัสดุที่ใช้ทำตัวเคส หรือ ที่แผงหน้าจอที่ดูแล้วค่อนข้างหนาและหนัก