เข้าระบบ

ชื่อเรียก:

รหัสผ่าน:

จำฉัน



ลืมรหัสผ่าน?

สมัครสมาชิก!

เมนู






?พลาสติกบรรจุอาหารและกล่องโฟม ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย...???
มือวาง
เป็นสมาชิกเมื่อ:
15/5/2007 16:45
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 927
?พลาสติกบรรจุอาหารและกล่องโฟม ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย...???


ความปลอดภัยของอาหารจากสารปนเปื้อนและสารพิษ เป็นสิ่งสำคัญ แต่จุดที่มักถูกมองข้าม คือ การปนเปื้อนจากภาชนะบรรจุอาหารเอง อันตรายที่เกิดจากสารเคมีของภาชนะบรรจุอาหาร มักไม่ได้รับความสนใจ หรือเพิกเฉย เนื่องจากมิได้เกิดในทันทีทันใด แต่หากจะค่อยๆ สะสม จนเกิดอันตราย ภาชนะบรรจุอาหาร หมายความรวมถึง วัตถุที่ใช้บรรจุอาหารไม่ว่าจะด้วยการใส่ห่อ หรือด้วยวิธีใด ๆ ให้หมายความรวมถึง ฝา หรือ จุกด้วย โดยอาหารแต่ละชนิดมีความต้องการภาชนะบรรจุแตกต่างกัน นอกจากนี้ภาชนะบรรจุต้องมีคุณสมบัติตามกฎหมาย คือ ต้องเป็นภาชนะมีคุณภาพ สะอาดไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ไม่มีสี หรือโลหะหนัก ออกมาปนเปื้อนกับอาหารในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว ที่พลาสติกและโฟมถูกใช้แทนใบตอง กระดาษ โลหะหรือแก้ว ในการบรรจุอาหาร อาจเนื่องมาจาก พลาสติกและโฟม สามารถทำให้เกิดรูปทรงตามที่ต้องการได้ง่าย มีน้ำหนักเบาและราคาถูก จึงเป็นที่นิยมสืบต่อเรื่อยมา แต่จะมีผู้บริโภคสักกี่คนที่ตระหนักถึงอันตรายที่แฝงอยู่ในภาชนะบรรจุที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะกล่องโฟมมักถูกนำไปใช้ในการบรรจุอาหารที่ร้อนและมีน้ำมัน อาจทำให้เกิดอันตรายจากสารปนเปื้อนที่แยกตัวออกมาจากภาชนะบรรจุได้ ซึ่งชนิดของพลาสติกที่ใช้ในการทำภาชนะบรรจุได้แก่

1. โพลีเอทิลีน (Polyethylene- PE) แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
(1) โพลีเอทิลินความหนาแน่นต่ำ (Low density polyethylene ? LDPE) หรือ เรียกว่าถุงเย็นมีคุณสมบัติ คือ ไขมัน ซึมผ่านง่าย
(‏2) โพลีเอทิลีนความหนาแน่นปานกลาง (Medium density polyethylene ? MDPE)
(3) โพลีเอทิลีนความหนาแน่นสูง (High density polyethylene ? HDPE) หรือถุงร้อนสีขาวขุ่น

2. โพลีโพรพิลีน (Polypropylene ? PP) เป็นถุงร้อนใส ใช้บรรจุอาหารที่ต้องผ่านความร้อนระดับฆ่าเชื้อได้ เป็นส่วนประกอบในบรรจุภัณฑ์อ่อนตัว (retort pouch) บรรจุอาหารที่มีไขมันได้ในระยะเวลาหนึ่ง

3. โพลีเอทิลีน เทเรฟทาเลต (polyethylene terephthalate ? PET) ทนต่ออุณหภูมิสูงได้ นิยมใช้ทำถาดบรรจุภัณฑ์อาหารใช้ได้ทั้งกับเตาอบ และเตาไมโครเวฟ

4. โพลีไวนิล คลอไรด์ (polyvinyl chloride ? PVC) ปัจจุบันผลิตให้มีสารตกค้างของไวนิล คลอไรด์ ซึ่งเป็นสารทำให้เกิดมะเร็งตับได้ต่ำกว่า 1 ppm. จึงนับว่าปลอดภัยสำหรับบรรจุอาหาร ทนต่อน้ำมัน กันกลิ่นได้ดี ทนต่ออุณหภูมิสูงได้ไม่เกิน 920๐ ซ.

5. โพลีสไตรีน (polystyrene ? PS) นิยมใช้ทำถ้วย ถาด แก้ว ที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ถาดโฟมเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุชนิดนี้ เช่นกัน จะสังเกตได้ว่าถ้านำไปบรรจุของร้อนถาดโฟมจะหลอมละลายทำให้มีสารอันตรายออกมาปนเปื้อนในอาหารได้

ภาชนะบรรจุเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างคาดไม่ถึง หากไม่ตระหนักและเพิ่มความระมัดระวังในการเลือกใช้ ซึ่งอาจเกิดการปนเปื้อนสารอันตรายลงสู่อาหาร หรือเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างอาหารและภาชนะบรรจุ การเลือกใช้พลาสติก หรือโฟมต้องเลือกใช้ชนิดที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร และเหมาะสมกับการใช้งาน เคยมีรายงานความเป็นพิษของอาหารที่เกิดจากการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ไม่เหมาะสมอยู่หลายครั้ง เช่น มีครอบครัวที่ต้องได้รับพิษของตะกั่วทั้งครอบครัวเนื่องจาก การรับประทานน้ำส้มคั้นที่บรรจุในภาชนะพลาสติกที่มีสีสด ทำให้น้ำส้มซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดละลายเอาตะกั่วที่เจือปนที่ภาชนะลงสู่น้ำส้ม นอกจากนี้ในกล่องโฟมที่นำมาบรรจุอาหารที่ทอดร้อน ๆ และมีน้ำมันขึ้นจากเตาใหม่ ๆ เช่น ข้าวผัด ข้าวกระเพาไข่ดาว ผัดไทย หอยทอด เป็นต้น ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถละลายสารบางชนิดออกจากกล่องโฟม และปนเปื้อนสู่อาหารได้ โดยปกติกล่องโฟมเมื่อได้รับความร้อนที่อุณหภูมิสูงประมาณ 160๐? 220๐C จะทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์และมีการปล่อยสารโมเลกุลใหญ่ หรือสารประกอบบางชนิดออกมา นอกจากนี้อาจมีสารพิษไม่ทราบชนิดที่มีผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว และสารบางอย่างสะสมในร่างกายก่อให้เกิดมะเร็งได้ ในกล่องโฟม (โพลิสไตรีน ; Polystyrene) เมื่อได้รับความร้อนสูงจะให้สาร 2 ชนิดคือ สไตรีน (styrene) และเบนซิน (Benzene) ซึ่งเบนซินเป็นสารที่ทราบกันอยู่แล้วว่ามีความเป็นพิษสูงและเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งอาการของผู้ที่ได้รับเบนซินเข้าไป คือ ในระยะแรก ๆ จะเกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ ถ้าดื่มหรือกินอาหารที่มีเบนซินปนเปื้อนอยู่สูง จะทำให้มีอาการปวดท้องเนื่องจากกระเพาะถูกกัดกร่อน เวียนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงนอน ชัก หัวใจเต้นแรง และอาจเสียชีวิตได้

เมื่อหายใจเอาเบนซินเข้าไปในระดับสูงและเป็นเวลานานอาจทำให้เซื่องซึม วิงเวียน หมดสติ ใจสั่น อาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ และเมื่อสูดดมเป็นเวลานานจะทำให้เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือด (Leukemia) ได้ การได้รับเบนซินเป็นเวลานานจะมีผลทำให้เป็นโรคโลหิตจาง (Anemia) เนื่องจากเบนซินจะเข้าไปทำลายไขกระดูก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้จำนวนเม็ดเลือดลดลงและทำลายระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายได้

สำหรับสไตรีน (styrene) ผลต่อร่างกายเมื่อถูกผิวหนังหรือเข้าตาจะทำให้ระคายเคือง การสูดเข้าไปจะมีอาการไอ และหายใจลำบาก เพราะไปทำให้เยื่อเมือกเกิดความระคายเคือง ปวดศรีษะ ง่วงซึม เป็นต้น อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลระบุความเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่เกิดมะเร็งได้ในสัตว์ทดลอง

เนื่องจากภาชนะบรรจุมีผลต่ออาหาร กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกประกาศกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับภาชนะบรรจุ คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 พ.ศ.2528 และฉบับที่ 111 พ.ศ.2531 เรื่อง กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุ การใช้ภาชนะบรรจุและการห้ามใช้วัตถุใด ๆ เป็นภาชนะบรรจุอาหาร และเรื่องกำหนดคุณภาพ หรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุพลาสติก และการใช้ภาชนะบรรจุพลาสติกและการห้ามใช้วัตถุใดเป็นภาชนะบรรจุอาหารตามลำดับ ซึ่งกล่องโฟม (polystyrene) มีการกำหนดปริมาณ ตะกั่วและสารระเหยกลุ่มเบนซิน และสไตรีน ไว้ในประกาศกระทรวงฉบับที่ 111 (2531) ด้วย เพื่อควบคุมคุณภาพของพลาสติก แต่อย่างไรก็ตามยังมีผู้ผลิตกล่องโฟมบางคนที่อาจไม่สามารถผลิตโฟมได้ตามมาตรฐานและยังมีการจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดในปัจจุบัน เพื่อความปลอดภัยของการบริโภค เราควรแยกชนิดของกล่องโฟมที่ใช้ให้ถูกต้องกับชนิดของอาหารเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเป็นพิษนั้น

ในปัจจุบัน ได้เกิดกระแสรักษ์และปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาค้นคว้า วิจัย หาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อนำมาทดแทนการใช้โฟมหรือพลาสติกในการบรรจุอาหาร ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของผู้บริโภค ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ภาชนะบรรจุย่อยสลายได้ทางชีวภาพ จากมันสัมปะหลัง ภายใต้ชื่อ KU ?Green เป็นภาชนะบรรจุเหมาะสมกับการบรรจุอาหารโดยตรง ทั้งอาหารพร้อมบริโภคและอาหารกึ่งสำเร็จรูป เพื่อการใช้ครั้งเดียวสามารถบรรจุได้ทั้งอาหารแห้ง อาหารเหลว อาหารเย็น และอาหารร้อน และสามารถใช้อุ่นอาหารในตู้อบไมโครเวฟได้ผลิตภัณฑ์ KU-Green ผลิตจากวัตถุดิบชีวภาพเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะมีการเติมสารแต่งเติมแต่เป็นสารที่อนุญาตให้ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและยา จึงเป็นภาชนะที่ปลอดภัยสามารถใช้สัมผัสอาหารได้โดยตรง ปราศจากอันตรายจากสารเคมีหรือสารอื่นๆ ที่อาจปนเปื้อนจากภาชนะสู่อาหาร ซึ่งเป็นปัญหาที่มักพบในกรณีที่ใช้ภาชนะพลาสติกบางประเภท เมื่อเก็บรวบรวมหลังการใช้งานอย่างเป็นระบบจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีก เช่น ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ หรือนำไปทำปุ๋ยหมัก จึงไม่มีขยะเหลือทิ้งให้เป็นภาระต้องนำไปกำจัดอีก อนึ่งหากไม่มีการเก็บรวบรวม นำมาใช้ประโยชน์อีก จะย่อยสลายได้เองในธรรมชาติ โดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม และ ไบโอโฟม ก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งจากธรรมชาติซึ่งใช้ทดแทนพลาสติกหรือโฟมได้เช่นกัน โดยไบโอโฟมมีคุณสมบัติเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% สามารถย่อยสลายได้ เมื่อนำไปทิ้งแล้วไม่ก่อสารCFC เมื่อโดนความร้อน สามารถเก็บได้ถึง 1 ปี สามารถใช้กับเตาอบไมโครเวฟและเตาอบทุกชนิดได้ อบเฉพาะของที่แห้ง ระยะการแปรรูปใช้ระยะเวลา 30 นาทีถึง 1-2 ชั่วโมง แล้วแต่ประเภทอาหารด้วย Cสามารถทนความร้อนและความเย็นตั้งแต่ ?40 ถึง 220 ไม่ก่อสารอันตรายตกค้างในอาหารและมีคุณภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าโฟม สามารถทนความชื้นได้เป็นอย่างดี และสามารถนำไปเลี้ยงสัตว์ได้เมื่อใช้งานแล้ว โดยมีระยะเวลาในการย่อยสลายเมื่อนำไปทิ้งแล้ว 15 วัน ใส่อาหารที่มีน้ำขลุกขลิก เช่น ส้มตำ ข้าวผัดและอาหารแห้ง ไม่อมความร้อนจนเกินไปซึ่งนอกจากจะปลอดภัยต่อร่างกายแล้วยังไม่เกิดความเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


ข้อมูลโดย นางจงกลนี วิทยารุ่งเรืองศรี
ภญ.สุชัญญา พลเพชร
ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยด้านอาหาร

ข้อมูลจาก http://cwweb.tu.ac.th/oth/org/rangsit/Data/1201663872.doc

http://www.bloggang.com/mainblog.php? ... -09-2009&group=6&gblog=10

โพสเมื่อ : 23/9/2009 8:47
Transfer the post to other applications Transfer







[ค้นหา ขั้นสูง]