ตลาดอุปกรณ์ไอทีนับวันจะมีของแปลกๆ ให้เลือกใช้มากขึ้นเรื่อยๆ การจะทำยอดขายให้ได้มาก ผู้ผลิตจำเป็นต้องผลิตอุปกรณ์ที่มีความแตกต่างจากของคู่แข่งให้มาก Kyocera Echo เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เจาะตลาดผู้ใช้หลายใจที่อยากใช้ทั้งโทรศัพท์ แท็บเลทและเน็ตบุ๊คแต่ไม่อยากพกหลายชิ้น



Kyocera Echo ออกแบบมาให้อยู่ในขนาดของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนทั่วไป แต่ที่พิเศษคือมันมีสองหน้าจอ แต่ละหน้าจอมีขนาด 3.5" แสดงผลที่ 480 x 800 พิกเซล โดยสามารถพับเปิดออกมาใช้ทั้งสองจอพร้อมๆ กัน ซึ่งจะได้จอขนาด 4.7" ความละเอียด 960 x 800 พิกเซล ซีพียูเป็น Qualcomm Snapdragon 1 GHz รองรับระบบโทรศัพท์ทั้ง GSM และ CDMA



หากพับหน้าจอทั้งสองเข้าหากัน ก็จะดูเหมือน MID หรือเน็ตบุ๊คขนาดเล็กๆ



ระบบปฏิบัติการเป็น Android 2.2 ซึ่งออกแบบมาพิเศษให้สามารถแสดงผลหน้าจอโปรแกรมสองโปรแกรมได้พร้อมกัน แต่จะทำงานได้ทีละโปรแกรมเท่านั้น เช่น หากเปิดคลิปวีดีโออยู่ แล้วเรียกโปรแกรมอื่นมาใช้งานอีกโปรแกรม วีดีโอจะหยุดค้างรอไว้ (แต่ยังแสดงผลอยู่) โปรแกรมตัวเครื่องหลายโปรแกรมได้รับการปรับแต่งให้ทำงานในแต่ละหน้าจอได้ แต่หากเป็นโปรแกรมอื่นๆ มันจะใช้พื้นที่ทั้งสองหน้าจอโดยถือเป็นหน้าจอเดียว



หากกางออกมาอยู่ในระนาบเดียวก้ัน ก็เหมือนมีหน้าจอใหญ่ๆ จอเดียว ใช้งานเป็นแท็บเลทได้สบายๆ หากเรียกคีย์บอร์ดเสมือนออกมาแล้วยกหน้าจอด้านหนึ่งขึ้นมา ก็กลายเป็นเน็ตบุ๊คขนาดย่อมๆ ได้เหมือนกัน



ด้านหลังของจอด้านบนจะมีขาพับที่ออกแบบมาพิเศษให้สามารถพับหมุนกลับด้านได้



เมื่อพับหมุนกลับด้านแล้วพับหน้าจอกลับลงมา มันก็จะกลายเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหน้่าจอเดียวไป เป็นการออกแบบที่น่าทึ่งมาก



ด้านข้างแต่ละด้านไม่มีอะไรมาก โดยด้านแคบทั้งสองจะเรียบๆ มีด้านหนึ่งมีปั้มตัวอักษร Qualcomm 3G CDMA อยู่ด้วย



ด้่านบานพับก็ไม่มีอะไร มีแต่กลไกลของฝาพับอย่างเดียว



แต่อีกด้่านจะมีทั้งปุ่มและพอร์ทรวมกันไว้แน่นขนัด มีทั้งช่องเสียบสายหูฟัง ช่องใส่ซิมการ์ด ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ปุ่มเปิดลดเสียง พอร์ท USB และสุดท้ายเป็นช่องร้อยสายคล้องคอ



ด้านหลังมีกล้องความละเอียด 5 ล้่านพิกเซลพร้อมไฟแฟลชและแผ่นสะท้อนเพื่อถ่ายรูปตัวเอง สามารถถ่ายวีดีโอแบบ HD ที่ 720p ได้



สำหรับราคาแบบผูกติดสัญญาเครือข่าย Sprint ในสหรัฐฯ ขายอยู่ที่ $199

อ้างอิง : engadget.com

แจ่มจริงๆ

ว้าว คอนเซ็ปนี้เลย รอมานานแล้ว เมื่อก่อนหวังว่าใครน่าจะเอาคอนเซ็ปของ นินเทนโด dsi มาทำเป็นเนตบุคซะที ในที่สุดมันก็เป็นจริง

สุดยอด ITสมัยนี้มันเร็วจริงๆอะไรก็เป็นได้

คนไทยจะได้จับของจริงกับเขามั๊ยเนี่ยะ

เยี่ยมมาากกก