ปกติจะใช้ง่ายกว่านี้นะครับ ใช้วิธีลากเอา ไม่ต้องใช้คีย์บอร์ดเลย
ผมใช้แบบดอส เพราะไม่ต้องลงโปรแกรมให้รก

แถมการเปลี่ยนขนาดของpartition เครดิตคุณhornetpc719จากoverclockzone

กดเลือกคำสั่ง Resize Partition


เลือกดิสที่จะปรับขนาด


เลือกพาร์ติชั่น ที่จะปรับขนาด(จากดิสที่เลือกเมื่อกี้)


ใส่ตัวเลขขนาดที่ต้องการ ตัวอย่างที่ไดร์ C 3,0718MB > เป็น 3,5718MB


เลือกไดร์ที่จะเอามาเพิ่มให้ไดร์ C เช่นD:ในที่นี่ยกตัวอย่างF:ก็คือติ๊กเครื่องหมายถูกที่ไดร์ F ถ้ามีไดร์อื่นๆ ก็เลือกเอา.. แต่อย่าให้ไดร์ Fเหลือพื้นที่ น้อยกว่าข้อมูลที่มีอยู่..


ก็กดไปเรื่อยๆ.. ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเช็คดูว่า Clusters Size ของแต่ละไดร์ มีขนาดเท่ากันหรือเปล่า..?? คือต้องเท่ากัน


จบแล้ว....เฮ้อเหนื่อย

http://www.upload-thai.com/download.p ... cc18873ca55950249b55fe9cf
สำรอง
http://upload.one2car.com/download.aspx?pku=20E33AA6A6YUI[IP2N5ASZOCEKQTIO

ถ้ายังไม่ละเอียดก็อ่านนี่ต่อ เอามาจากpantip.com
เป็นV5นะแต่หลักการก็คล้ายๆกัน เซฟไว้เลยนะเดี๋ยวรูปหาย

บ่อยครั้งที่คุณมีความต้องการที่จะจัดสรรฮาร์ดดิสก์ของคุณ เพียงลำพังแค่คำสั่ง FDISK ที่มีมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการนั้นไม่เพียงพอ อย่างแน่นอนที่จะทำให้คุณแบ่งปั่นฮาร์ดดิสก์ออกเป็นส่วน ๆ ตามใจต้องการ ที่สำคัญคุณอาจจะต้องสำรองข้อมูลก่อนทุกครั้ง ถ้าคุณคิดว่า ยังต้องการข้อมูลนั้นอยู่ หรือคิดที่จะสร้างให้ฮาร์ดดิสก์ของคุณบรรจุไปด้วยเหล่าโอเอสทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น Windows, Linux, BeOS ก็ตาม คำตอบทุกอย่างคุณพบได้ใน Partition Magic ที่สำคัญ คุณสามารถทำได้อย่างง่ายดาย หากคุณมีเพื่อนคู่หูรู้ ใจอย่าง Partition Magic ที่จะเนรมิตการจัดการฮาร์ดดิสก์ให้กับคุณในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแบ่งฮาร์ดดิสก์โดยที่คุณต้อง FDISK เลย แถมยัง สามารถที่จะปรับแต่งฮาร์ดดิสก์ได้ตามใจต้องการ

รู้จักกับ Partition Magic
Partition Magic เป็นโปรแกรมในแบบ Utilities ที่ช่วยในการจัดการโครงสร้างฮาร์ดดิสก์ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด โดยสามารถ แบ่งฮาร์ดดิสก์ออกเป็นส่วน ๆ (Partition) เพื่อให้ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูล หรือการติดตั้งระบบปฏิบัติการ หลาย ๆ ตัว บนเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวเดียวกัน โดยเราสามารถเลือกระบบปฏิบัติการที่ต้องการได้ด้วย

มีอะไรใหม่ใน Partition Magic 5.0
ปัจจุบัน Partion Magic ได้พัฒนามาจนถึงเวอร์ชั่น 5.0 แล้ว ซึ่งได้เพิ่มความสามารถต่าง ๆ ดังนี้
อินเตอร์เฟสของโปรแกรมที่สวยขึ้น
สามารถแปลง NTFS เป็น FAT หรือ FAT32 ได้ รวมถึงสามารถแปลง Primary Partition เป็น Logical Partition หรือแปลง
Logical Partition เป็น Primary Partition ได้
ปรับปรุงความสามารถในการกระจายพื้นที่ว่างของพาร์ติชั่นหนึ่งให้กับพาร์ติชั่นอื่น (Redistribute)
เพิ่มตัววิเศษในการสร้างพาร์ติชั่น (Partition Wizard)
เพิ่มความสามารถในการตรวจสอบปัญหาในตารางพาร์ติชั่น (Partition Table)
ความสามารถในการซ่อนปุ่มตัววิเศษ (Wizard Button)
สามารถรวมพาร์ติชั่นแบบ FAT และ FAT32 เข้าด้วยกันดได้
ปรับปรุงความสามารถของระบบช่วยเหลือ (Online Help)

หน้าตาของ Partion Magic 5.0
เมื่อติดตั้ง Partion Magic 5.0 เรียบร้อยแล้ว โปรแกรมจะสร้างโปรแกรมกรุ๊ป ขึ้นมา สองส่วนด้วยกัน คือ ส่วนของ Partition Magic 5.0 และส่วนของ BootMagic ซึ่งจะติดมาด้วยกับ Patition Magic 5.0 คือ จะใช้สำหรับทำการบูตระบบปฏิบัติการที่เราต้องการ ในกรณีที่เราติดตั้งระบบปฏิบัติการภายในคอมพิวเตอร์ของเรามากกว่า 1 ตัว นั่นเอง ดังรูปที่ 1 และ 2 ตามลำดับ


รูปที่ 1 โปรแกรมกรุ๊ปของ Partion Magic 5.0


รูปที่ 2 โปรแกรมกรุ๊ปของ Boot Magic

ให้เราคลิกเลือกที่ Partion Magic 5.0 จากโปรแกรมกรุ๊ป ก็จะเข้าสู่โปรแกรม Partition Magic 5.0 ดังรูปที่ 3


รูปที่ 3 หน้าตาของ Partition Magic 5.0

ส่วนประกอบของ Partion Magic 5.0
ก่อนที่เราจะเริ่มใช้งานโปรแกรมกัน เรามาดูส่วนประกอบและหน้าที่การทำงานของ Partion Magic 5.0 กันก่อนดีกว่าครับ ว่ามีอะไรกันบ้าง

เมนูโปรแกรม (Program Menu)
Partion Magic 5.0 จะประกอบด้วยเมนูคำสั่ง 6 เมนูด้วยกัน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ครับท เมนู General สำหรับจัดการทั่ว ๆ ไป เกี่ยวกับการทำงานของโปรแกรม รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขการทำงาน ประกอบด้วย
Apply Chances สำหรับสั่งให้คอมพิวเตอร์ของเราทำการเปลี่ยนแปลง พาร์ติชั่นฮาร์ดดิสก์ที่เราได้สั่งทำทั้งหมด
Discard Changes สำหรับยกเลิก การเปลี่ยนแปลงที่เราได้สั่งทำกับพาร์ติชั่นฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด
Preferences สำหรับกำหนดค่าอ้างอิงในการทำงาน ดังรูปที่ 4


รูปที่ 4 ส่วน Preferences

ที่ Preferences นี้ จะแสดงให้เราทราบถึงคุณสมบัติ FAT ของฮาร์ดดิสก์ของเราว่าเป็น FAT 32 หรือไม่ รวมถึงให้รองรับ FAT 64 K ที่ใช้สำหรับ Windows NT หรือไม่ รวมถึงให้ยกเลิกการตรวจสอบ Error บน OS/2 หรือไม่ รวมถึงจะให้มีการตรวจสอบ Bad Sector หรือไม่ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดให้ดิสก์เป็นแบบอ่านอย่างเดียว (Read Only) หรือไม่ได้ด้วย โดยจะเป็นตัวเลือกให้เลือก ดังรูปที่ 4
Exit สำหรับออกจากโปรแกรม กรณีเลิกใช้งาน

เมนู Partitions
สำหรับใช้เลือก Partitions ของฮาร์ดิสก์ ที่เราต้องการทำงานด้วย โดยโปรแกรมจะแสดงส่วนของพาร์ติชั่นทั้งหมด ของฮาร์ดดิสก์ ของเราให้ทราบ โดยพาร์ติขั่นที่เราทำงานอยุ่ จะมีเครื่องหมายอยู่ด้านหน้า

เมนู Operations
เป็นที่รวบรวมคำสั่งที่จะใช้กับพาร์ติชั่นของฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด ประกอบด้วย
Resize/Move สำหรับการเปลี่ยนแปลงขนาด หรือย้ายพาร์ติชั่น
Create สำหรับการสร้างพาร์ติชั่น
Delete สำหรับการลบพาร์ติชั่น
Label สำหรับการสร้างลาเบลหรือชื่อให้กับพาร์ติชั่น
Format สำหรับการฟอร์แมตพาร์ติชั่น
Copy สำหรับการก๊อปปี้พาร์ติชั่น
Merge สำหรับการรวมพาร์ติชั่นเข้าด้วย
Check for Error สำหรับการตรวจสอบ Error ที่มีกับพาร์ติชั่น
Info สำหรับดูรายละเอียดเกี่ยวกับพาร์ติชั่น
MS Scandisk สำหรับเรียกโปรแกรม Microsoft Scandisk ขึ้นมาตรวจสอบพาร์ติชั่น
Convert สำหรับแปลงพาร์ติชั่นจากรูปแบบหนึ่งไปเป็นรูปแบบที่ต้องการ
Advanced สำหรับการทำงานขั้นสูง ประกอบด้วย
- Bad Sector Retest สำหรับตรวจสอบเซ็กเตอร์ที่เสียในพาร์ติชั่น
- Hide Partition สำหรับซ่อนพาร์ติชั่นที่เราต้องการ
- Resize Root สำหรับเปลี่ยนแปลงขนาดของไดร์ฟราก
- Set Active สำหรับกำหนดให้พาร์ติชั่นนั้นแอคทีฟคือทำงาน
- Resize Clusters สำหรับเปลี่ยนแปลงขนาดของคลัชเตอร์
View Operations Pending สำหรับดูว่ามีพาร์ติชั่นใดที่ค้างอยู่

เมนู Tools
เป็นที่รวบรวมเครื่องมือในการจัดการพาร์ติชั่น ซึ่งประกอบด้วย
DriveMapper สำหรับการอัพเตดกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงไดร์ฟภายในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา ทำให้การอ้างอิงพาท (Path) ต่าง ๆ ไม่เกืดข้อผิดพลาด
MagicMover สำหรับการเคลื่อนย้ายโปรแกรม จากพาร์ติชั่นหนึ่งไปยังอีกพาร์ติชั่นที่เราต้องการ
Boot Magic Configuration สำหรับการกำหนดเงื่อนไขการทำงานของ Boot Magic ซึ่งจะเป็น Utilities ที่มาพร้อมกับ Partition Magic 5.0 เราสามารถเลือกที่จะติดตั้งหรือไม่ก็ได้ ในนตอนติดตั้งโปรแกรม ซึ่งเราจะใช้ Boot Magic ในกรณีที่เรามีการแบ่งพาร์ติชั่น หลายพาร์ติชั่น แล้วมีการลงระบบปฏิบัติการที่มากกว่า 1 เช่นลง Windows 98 กับ Linux เป็นต้น Boot Magic จะให้เราเลือกระบบปฏิบัติการที่เราต้องการใช้ในตอนบูตเครื่องนั่นเองครับ
Create Rescure Disks สำหรับสร้างชุดแผ่นดิสก์ฉุกเฉิน กรณีที่เกิดปัญหาในการใช้งานโปรแกรม

เมนู Wizards
เป็นที่รวบรวมตัววิเศษหรือ Wizard ที่ใช้ในการจัดการกับพาร์ติชั่น ซึ่งประกอบด้วย
Create New Partition สำหรับสร้างพาร์ติชั่นใหม่ด้วย Wizard
Resize Partions สำหรับสร้างปรับขนาดพาร์ติฃั่นใหม่ด้วย Wizard
Redistribute Free Space สำหรับการกระจายพื้นที่ของพาร์ติชั่นหนึ่ง ไปยังพาร์ติชั่นอื่น ด้วย Wizard
Merge Partitions สำหรับการรวมพาร์ติชั่นเข้าด้วยกัน ด้วยตัววิเศษ
Hide Wizard Buttons สำหรับการซ่อนพาร์ติฃั่นที่เราต้องการ ด้วยตัววิเศษ

เมนู Help
สำหรับเป็นระบบฃ่วยเหลือของโปรแกรม ซึ่งประกอบด้วย
Contents สำหรับขอความช่วยเหลือระบบ Help ของโปรแกรม แบ่งตามหัวเรื่องที่อยากรู้
About สำหรับแสดงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรแกรม

แถบเครื่องมือ (Toolbar)
แถบเครื่องมือ จะใช้สำหรับใช้แทนคำสั่งบนเมนูที่สำคัญ ๆ ซึ่งจะอยู่ถัดลงมาจากเมนูคำสั่ง ดังรูปที่ 5


รูปที่ 5 แถบเครื่องมือ (Toolbar)


จากรูปแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้

สำหรับแสดงฮาร์ดดิสก์ที่มีในคอมพิวเตอร์ของเรา
สำหรับสำหรับการเปลี่ยนแปลงขนาด หรือย้ายพาร์ติชั่น
สำหรับสำหรับการสร้างพาร์ติชั่นใหม่
สำหรับสำหรับการลบพาร์ติชั่นที่ไม่ต้องการ
สำหรับสร้างลาเบล (ฃื่อพาร์ติชั่น) ให้กับพาร์ติชั่น
สำหรับฟอร์แมต (Format) พาร์ติชั่น
สำหรับการก๊อปปี้พาร์ติชั่น
สำหรับตรวจสอบปัญหาหรือ Error ที่มีในพาร์ติชั่น
สำหรับการดูข้อมูลของพาร์ติชั่น
สำหรับยืนยันการเปลี่ยนแปลงที่เราทำขึ้นทั้งหมด
สำหรับยกเลิก กรณีที่เปลี่ยนใจ ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงการทำพาร์ติชั่นต่าง ๆ ทั้งหมด

ผังแสดงพาร์ติชั่น (Partition Map)
ผังแสดงพาร์ติชั่น จะใช้สำหรับแสดงโครงสร้างขนาดพื้นที่พาร์ติชั่นของฮาร์ดดิสก์ของเรา แสดงดังรูปที่ 6


รูปที่ 6 Partition Map

จากรูปที่ 6 Partition Map จะบอกรายละเอียดพาร์ติชั่นของฮาร์ดดิสก์ ดังนี้
ไดร์ฟ C มีลาเบลชื่อ POWELL ขนาด 4.8 GB. มีโครงสร้างแบบ FAT32
ไดร์ฟ D มีลาเลบชื่อ XGEN1 ขนาด 4.4 GB. มีโครงสร้างแบบ FAT32
ไดร์ฟ E มีลาเบลชื่อ XGEN2 ขนาด 3.8 GB. มีโครงสร้างแบบ FAT 32

รายการแสดงพาร์ติชั่น (Partition List)
รายการพาร์ติชั่น จะแสดงรายละเอียดของพาร์ติชั่นของฮาร์ดดิสก์ ดังรูปที่ 7


รูปที่ 7 Partition List


Partition List จะแสดงรายละเอียด ซึ่งประกอบด้วย ชื่อลาเบล (Partition), ประเภท (Type), ขนาดในหน่วยเมกกะไบต์ (Size MB), พื้นที่ที่ใช้ไป (Used MB), พื้นที่ที่ว่าง (Unused MB), สถานะ (Status) และการกำหนดตำแหน่งการบูต (Pri/Log) โดยที่ข้างล่าง จะมีสัญลักษณ์เป็นแถบสีต่าง ๆ แสดงประเภทของพาร์ติชั่นให้ทราบด้วย ทำให้สะดวกและง่ายในการดูข้อมูล
จากรูปที่ 7 เราจะพบว่าประเภทของพาร์ติชั่นของฮาร์ดดิสก์จะเป็น FAT32 เนื่องจากผมใช้ Windows 98 นั่นเองครับ ซึ่งจะมีการจัดแบ่งพาร์ติชั่นในแบบ FAT32 ส่วนประเภทของพาร์ติชั่นแบบอื่น ๆ ก็จะแปรไปตามระบบปฏิบัติการที่ใช้กันอยู่ครับ Jถ

ส่วนตัววิเศษ (Wizards)
วิซาร์ด (Wizards) จะทำหน้าที่คล้ายกับเมนูคำสั่งและทูลบาร์ ซึ่งก็จะเป็นคำสั่งจัดการกับพาร์ติชั่นที่ใช้กันอยู่บ่อย ๆ แต่จะเป็นลักษณะ ที่แนะนำการทำงานเราแบบเป็นขั้น ๆ (Step by Step) ทำให้ง่ายต่อการใช้มากยิ่งขึ้นครับ ซึ่งจะอยู่ด้านล่างสุดของโปรแกรมและมีหน้าตา ดังรูปที่ 8


รูปที่ 8 Wizards

Create new partition สำหรับสร้างพาร์ติชั่นใหม่
Resize partitions สำหรับปรับขนาดพาร์ติชั่น
Redistribute free space สำหรับสำหรับการกระจายพื้นที่ของพาร์ติชั่นหนึ่ง ไปยังพาร์ติชั่นอื่น
Merge partitions สำหรับยืนยันการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ได้จัดการกับพาร์ติชั่นทั้งหมด
Apply changes สำหรับยกเลิกการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ได้จัดการกับพาร์ติชั่นทั้งหมด
Discard changes สำหรับยกเลิกการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ได้จัดการกับพาร์ติชั่นทั้งหมด
Exit สำหรับออกจากโปรแกรม

ทดลองใช้งาน Partion Magic 5.0
ตอนนี้เราก็ทราบหน้าที่การทำงานของส่วนประกอบต่าง ๆ ของ Partition Magic 5.0 กันแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจะมาทดลองใช้งาน กันเลยครับ
1. เรียก Partition Magic 5.0 ขึ้นมา โดยการเลือกที่โปรแกรมเมนู
2. จะเข้าสู่หน้าจอโปรแกรมดังรูปที่ 9 จากตัวอย่างนี้ ผมต้องการสร้างพาร์ติชั่นใหม่ที่ไดร์ฟ D: ที่มีชื่อ ลาเบลว่า XGEN 1 ก็ให้คลิกเลือก ที่ไดร์ฟ D: ที่ Partition List ครับ
3. คลิกที่ Create New Partition ในส่วนของ Wizard ดังรูปที่ 10
4. จะปรากฏไดอะล็อกบ๊อกซ์ Create New Partition แจ้งให้เราทราบว่า Wizard นี้จะช่วยเราในการสร้าง Partition ใหม่ ให้เราคลิก ที่ปุ่ม Next ดังรูปที่ 11


รูปที่ 9 เลือกที่ไดร์ฟที่ต้องการสร้างพาร์ติชั่น


รูปที่ 10 คลิกเลือก Create new partition ที่ Wizards


รูปที่ 11 ขั้นตอนแรกในการสร้างพาร์ติชั่นใหม่ด้วย Wizards


6. จะปรากฏไดอะล็อกบ๊อกซ์ Create New Partition ถามเราว่าต้องการให้พาร์ติชั่นใหม่นี้ ใช้ระบบปฏิบัติการตัวใหม่หรือไม่ โดยให้เรา ตอบ Yes ถ้าต้องการ หรือตอบ No กรณีที่ต้องการทำเป็นพาร์ติชั่นสำหรับเก็บข้อมูลอย่างเดียว สำหรับตัวอย่าง ผมเลือกที่จะใช้สำหรับเก็บ ข้อมูลอย่างเดียว ก็เลยคลิกที่ No ครับ จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Next ดังแสดงในรูปที่ 12


รูปที่ 12 เลือกว่าต้องการให้มีระบบปฏิบัติการตัวใหม่ในพาร์ติชั่นใหม่ที่สร้างขึ้นหรือไม่


7. จะปรากฏไดอะล็อกบ๊อกซ์ Create New Partition ถามเราว่าต้องการสร้างพาร์ติชั่นในแบบใด ซึ่งจะแปรตามระบบปฏิบัติการที่ใช้ อยู่ครับ จากตัวอย่างผมใช้ Windows 98 ก็จะเลือกแบบ FAT32 ซึ่งหากเราไม่ทราบว่าต้องใช้แบบใด ให้ดูรายละเอียดของตัวเลือกครับ จะมีคำแนะนำให้เรียบร้อย จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Next ดังรูปที่ 13


รูปที่13 เลือกประเภทของพาร์ติชั่นที่จะสร้าง โดยจะแปรตามระบบปฏิบัติการที่ใช้


8. ต่อจากนั้น โปรแกรมจะให้เราเลือกประเภทของพาร์ติชั่นใหม่ที่สร้างขึ้นนี้ ว่าจะกำหนดให้เป็นแบบใด ซึ่งจะมี 2 แบบคือ
แบบ Primary จะกำหนดได้ เมื่อมีการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ให้กับพาร์ติชั่น และต้องการให้เป็นพาร์ติชั่นหลัก สามารถที่จะใช้บูตได้ ซึ่งจะมีได้สูงสุด 4 พาร์ติชั่น
แบบ Logical จะกำหนดไว้สำหรับพาร์ติชั่นที่ต้องการใช้สำหรับเก็บข้อมูลหรือโปรแกรม

ซึ่งจากตัวอย่าง เราเลือกในขั้นตอนก่อนหน้าแล้วว่าไม่ต้องการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ ดังนั้นโปรแกรมจะกำหนดให้เป็น Logical โดยอัตโนมัติ จากนั้นให้เราคลิกที่ปุ่ม Next ดังรูปที่ 14


รูปที่14 เลือกประเภทของพาร์ติชั่นแบบ Primary หรือ Logical


9. ต่อจากนั้น โปรแกรมจะให้เราระบุตำแหน่งของพาร์ติชั่นใหม่ จากตัวอย่าง ผมเลือกให้อยู่หลังจากไดร์ฟสุดท้าย ก็คือ ไดร์ฟ E: เพราะ ต้องการให้เรียงกันไปนั้นเอง ซึ่งก็จะเป็นตัวเลือกที่โปรแกรมแนะนำด้วย จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Next ดังรูปที่ 15


รูปที่15 ระบุตำแหน่งของพาร์ติชั่นใหม่


10. ต่อจากนั้น โปรแกรมจะให้เราระบุว่าจะเอาพื้นที่จากไดร์ฟไหนมาสร้างเป็นพาร์ติชั่นใหม่ ในที่นี้ เราเลือกเอาไดร์ฟ D: มาสร้าง จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Next ดังรูปที่ 16
11. โปรแกรมจะให้เรากำหนดขนาดและกำหนดชื่อให้กับพาร์ติชั่นใหม่นี้ ซึ่งปกติโปรแกรมจะแบ่งให้ครึ่งหนึ่งจากไดร์ฟที่เราเลือกที่จะ แบ่งพื้นที่มาใช้ แต่เราก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความต้องการครับ จากนั้นก็ให้คลิกที่ปุ่ม Next ต่อไป ดังรูปที่ 17
12. ขั้นตอนสุดท้าย โปรแกรมจะให้เรายืนยันการสร้างพาร์ติชั่นใหม่อีกครั้ง โดยจะสรุปการจัดวางตำแหน่งพร้อมทั้งขนาดและชื่อลาเบล ให้ทราบ หากเราต้องการเปลี่ยนแปลงที่ส่วนไหน ก็สามารถคลิกที่ปุ่ม Back เพื่อย้อนกลับไปแก้ไขได้ จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Finish ดังรูปที่ 18 ก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อยครับ


รูปที่16 ระบุไดร์ฟที่จะนำพื้นที่มาสร้างพาร์ติชั่น



รูปที่17 ระบุขนาดและชื่อของพาร์ติชั่นที่สร้างขึ้นใหม่


รูปที่18 ยืนยันการสร้างพาร์ติชั่นที่ขั้นตอนสุดท้าย


Partition Magic จะสร้างพาร์ติชั่นใหม่ โดยมีคุณสมบัติตามที่เราสร้างทุกประการ โดยจะแสดงผลที่ได้ให้ทราบทั้งใน Partition Map และ Partition List ดังรูปที่ 19
แต่หลังจากที่เราได้มีการสร้างพาร์ติชั่นใหม่นี้แล้ว จะต้องบอกให้โปรแกรมทำการอัพเดตการเปลี่ยนแปลงนี้ดวย โดยการคลิกที่ Apply Changes ที่ Wizards หรือจะเลือกที่เมนูหรือทูลบาร์ ก็ได้เช่นกันครับ


รูปที่ 19 ผลลัพธ์ที่ได้จาการสร้างพาร์ติชั่นปรากฏใน Partition Information


รูปที่ 20 คลิกที่ Apply Changes เพื่อยืนยันการทำงาน



ส่งท้ายกับ Partion Magic 5.0
เป็นยังไงกันบ้างครับ จะเห็นว่าการใช้งาน Partition Magic 5.0 นี้ไม่ยากเลยใช่มั๊ยครับ เราสามารถสั่งงานโปรแกรมได้หลายวิธี รวมถึง โปรแกรมมีอินเตอร์เฟสการใช้งานที่ง่าย นอกจากนี้ยังสะดวกสุด ๆ กับ Wizards ที่จะแนะนำการทำงานให้กับเราในทุกขั้นตอน อีกทั้งยัง ปลอดภัย เพราะเราสามารถยกเลิกการทำงานได้ หากไม่แน่ใจโดยการคลิกที่ Discard Changes ครับ ซึ่งจากตัวอย่างเป็นการสาธิตการ สร้างพาร์ติชั่นใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่ทำกันบ่อย ๆ ส่วนที่เหลือนอกนั้นไม่ว่าจะเป็นการรวม, การลบ การปรับขนาด หรือการกระจายพื้นที่ ของพาร์ติชั่น ก็ทำในลักษณะเดียวกันครับ โปรแกรมใช้งานไม่ยาก สามารถเข้าใจได้ง่ายมากเลยทีเดียว หรือหากเราเป็นมือใหม่ ไม่แน่ใจพอ ก็ขอแนะนำให้ใช้ Wizards ครับ เพราะจะแนะนำเราแบบ Step by Step กันเลยทีเดียว

จัดแบ่งอาร์ดดิสก์คราวต่อไป มองหาคู่หูรู้ใจอย่าง Partition Magic 5.0 ไว้นะครับ เพราะแน่นอนและไว้ไจได้ ในเรื่องของการจัดการ ฮาร์ดดิสก์ของคุณ ไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอนสำหรับ Partition Magic 5.0
ส่วนเวอร์ชั่นอื่นก็มีหลักการคล้ายๆกันยังไงก็เอาไปประยุกต์ใช้เอาเองนะ

ป.ล.รูปอาจเล็กไปหน่อยต้องขออภัยเพราะไม่ได้captureเอง

ถ้าเป็นโปรแกรมที่มากับASUSจะชื่อว่าECAPน่าจะมีในแผ่นอยู่แล้ว

สอบถามครับ
ทำไมถึงต้องลงWindows7 มันคุ้มกว่าXPยังไงที่ต้องแลกมาด้วยความอืดกว่ามาก
ความสามารถอะไรที่จำเป็นต้องใช้ในwindows7ที่XPไม่มี?
เพราะNetbookมันupgrade CPUไม่ได้

อ้างถึง:

จากคำถามทำให้มีการบ้าน3ข้อครับ

1.บู๊ตเข้าDOSให้ได้จากUSBหรือSD หาSDเหลือๆ MMC32MBก็ได้
-โหลดโปรแกรมมาก่อน http://www.direct-venom.com/usbb-oot.html
ป่มโหลดอยู่ล่างๆนะ Save file at here

-บรรทัดแรก ระบุUSB DriveหรือSD
-1,2,3ตั้งตามรูป
-4.ระบุตำแหน่งที่เก็บDOSไฟล์ ไม่จำเป็นต้องเหมือนในรูป
-copyไฟล์Ghost.exeไปไว้ในUSBที่ฟอร์แมทแล้ว

2.ศึกษาเรื่องGhostให้เข้าใจโดยเฉพาะจากDOS
-บู๊ตเครื่องใหม่ กดESCๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-เลือกDrive USB/Card reader
-ไปยังที่เก็บ ghost.exe แล้วเปิดไฟล์
-จะเข้าโปรแกรมGhost
-ก่อนใช้ให้ไปศึกษาให้ดีก่อน พลาดมาเรื่องใหญ่ ที่จริงไม่ยากหรอกถ้าเข้าใจ
ถ้าสงสัยก็ถามอีกทีก็แล้วกัน "หากไม่มั่นใจอย่ามั่วเด็ดขาดเดี๋ยวข้อมูลหายหมด"
-Ghost C:ไว้ที่ไหนก็ได้ที่มีพื้นที่เก็บเพียงพอเช่นD:เช็คพื้นทีว่างด้วย
ถ้าบีบอัดเต็มที่จะใช้พื้นที่ประมาณ50%ของC:ที่ใช้ไป

3.ศึกษาเรื่องEWF
-ให้2ข้อบนผ่านก่อนค่อยว่ากัน

เห็นหัวข้อนึกว่าDMA Mode(Direct Memory Accress)ในwindowsซะอีก
ถ้าเป็นยี่ห้อnetbook สเปคก็ตามนี้เลย




หน่วยประมวลผล AMD LX800 500MHz
ระบบปฏิบัติการ Linux
หน้าจอ 8 นิ้ว สัดส่วน 16:9
ความละเอียด 800 x 480
with Backlight LED
เสียง Stereo Speakers 2 x 10w
หน่ววยความจำ DDR1 512 MB
ความจุ 60GB
แลน มี
เว็บแคม มี
ไวเลส 802.11b/g
การ์ดรีดเดอร์ SD/MMC/MS
พอร์ต VGA มี
ยูเอสบี 2.0 2 ช่อง
ช่องเสียบหูฟัง มี
ช่องเสียบไมโครโฟน มี
แบตเตอรี่ 4000mAh ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง
ขนาด 227 x 164 x 35
น้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม

ลงลินุกซ์มาให้ มีแผ่นไดร์เวอร์ของ Windows Xp ให้ในกล่อง


จากรายละเอียดคุณสมบัติดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ด้านความเร็วของเครื่อง คงจะนำไปเทียบกับ Celeron-M ที่ทางอินเทลส่งมาประเดิมตลาดเน็ตบุ๊กหลายๆยี่ห้อด้วยความเร็ว 900 MHz ไม่ได้แน่นอน ส่วนความสามารถในด้านการเชื่อมต่อ ไม่ว่าจะเป็นไวเลส บลูทูธ ก็มีมาให้ครบ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฮาร์ดดิสก์ขนาด 60 GB

เน็ตบุ๊กรุ่นนี้คงไม่ใช่ตัวที่จะมาทำตลาดสู้กับคู่แข่งอื่นๆในด้านประสิทธิภาพได้ แต่สำหรับด้านราคา ทางดีเอ็มเอ คงไม่เป็นรองใครจากการที่เป็นผู้นำเข้าอุปกรณ์ไอทีเอง อนาคตก็คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าแบรนด์อย่าง ดีเอ็มเอ จะรุ่งหรือร่วง

ป.ล. ตัดแปะ

อ้างถึง:

ใช่แบบรูปนี้หรือเปล่า ลองหาดูในgoogleก็ได้แบบฟรีๆก็มีเยอะ
ของผมก็ลงWindows XP sp2 ก็ใช้ได้หมดครับ

ถ้ากดไม่ได้ตั้งแต่post bios ก็ต้องให้ศูนย์เช็คดูแล้วครับ ไม่เกี่ยวกับwindowsแล้ว

กดF2เข้าBIOSได้หรือเปล่า?

มีท่านใดแก้ปัญหาเรื่องIDMได้บ้างครับโดยไม่ต้องสั่งcommit
จะโหลดอะไรก็ต้องโหลดให้เสร็จในบู๊ตเดียว เพราะมันบันทึกคิวงาน
ลงที่Drive C: หาวิธีแก้configไม่ได้เลย
ส่วนPOP3หรือโปรแกรมอื่นๆรวมถึงบางเกมก็แก้ได้แล้ว
ใช้ได้โดยไม่ต้องcommit

อ้างถึง:

ให้ghost C:ไว้เลยครับถ้ายังไม่ชำนาญ เกกิดมีปัญหาจอฟ้าจะได้ไม่ต้องมาลงใหม่
จากนั้นก็ทำได้แบบสบายใจได้เลย มีปัญหายังไงก็บ่ยั่น

อ้างถึง:
commit->partition magic
หรือง่ายกว่าก็PartitionMagic Dos version

ประกันเหลือน้อยไปหน่อยน่าจะได้ซัก4,150฿

อ้างถึง:
ใครที่โหลดไปแล้วรบกวนอัพเพิ่มด้วยครับ

Aมากกว่า ถ้าเกินกันไม่มากก็ใช้ได้ครับ แต่Vต้องเท่ากัน

อ้างถึง:

ขอยกตัวอย่างการเปรียบเทียบการทำEWFแบบเข้าใจง่ายๆ
เปรียบC:เป็นสมุดเล่มนึง การลงwindowsหรือโปรแกรมใดๆ
ก็เป็นการเขียนสิ่งเหล่านั้นลงสมุด มีอยู่วันนึงได้รู้จักกับEWF
ก็เปรียบดังแผ่นใส(RAM) เมื่อให้EWFทำงานก็เป็นการเอาแผ่นใส
(layer)ไปวางไว้บนสมุดทุกหน้า ข้อมูลหรือโปรแกรมต่างๆเราก็ยังอ่านได้
แต่หากมีการเขียนอะไรลงไปเพิ่มก็ติดอยู่แค่แผ่นใสเท่านั้น
ส่วนหน้ากระดาษก็ยังเหมือนเดิม การลบข้อมูลที่อยู่ในกระดาษ
ก็เป็นการเอาลิควิดสีขาวป้ายทับบนแผ่นใส หากเราสั่งcommit.bat
ก็เป็นการลอกทุกสิ่งบนแผ่นใส(รวมถึงลิควิดด้วย)ลงบนการดาษ
พร้อมกับเอาแผ่นใสออกเมื่อลอกเสร็จแล้ว เมื่อบู๊ตเครื่องใหม่
ก็เป็นการเอาแผ่นใส(RAM)ไปล้างให้สะอาดแล้วเอามารองกระดาษ
ทุกหน้าเช่นเดิม ตราบใดที่เราไม่ลอกข้อมูลจากแผ่นใสลงกระดาษ
สมุดเล่นนั้นก็ยังมีข้อมูลต่างๆเหมือนเดิมทุกประการ
ผมเปรียบเทียบอย่างนี้คิดว่าน่าจะเข้าใจการทำงานของEWFกันนะ

http://www.trendypda.com/modules/newb ... e=flat&order=ASC&start=40

ก้าวต่อไป....ทาเคชิ


ป.ล. ความเร็วในการเขียน-อ่านลงกระดาษ=ความเร็วการเขียน-อ่านลงSSD/HDD
ความเร็วในการเขียน-อ่านลงแผ่นใส=ความเร็วการเขียน-อ่านลงแรม

EWF กับ FBWF ต่างกันหรือทำงานต่างกันยังไงครับ

มามา.....จะบอกวิธีการ ในระหว่างที่รอBiosรุ่นใหม่ ก็มาใช้วิธีนี้ก่อน
อันดับแรกต้องรู้ก่อนว่าช่วงเวลานี้แบตก้อนนี้ใช้เวลาชาร์ทเท่าไหร่ถึงเต็ม
อาจทำเป็นกราฟระหว่าง%-เวลา โดยค่าต่างๆก็ใช้วิธีจับเวลาโดยประมาณ
อาจจะเริ่มที่10%ก่อน ปิดเครื่องแล้วเสียบปลั๊ก ซัก1-2ช.ม.ก็เปิดดูว่าได้กี่%
คำนวนเวลาคร่าวๆที่100% เมื่อครบ100%จดเวลาไว้
จากนั้นมาเก็บข้อมูลที่40%,80% ได้มา3ค่า(หรือมากกว่า)ก็มาพล็อตกราฟได้แล้ว
จากนั้นก็ไปหาซื้อตัวตั้งเวลา(Timer)เอาแค่8ช.ม.ก็ได้ประมาณ200-500฿
เอาไว้ตัดไฟเวลาที่เสียบชาร์ทตามเวลาที่อ่านจากกราฟ
อาจดูเหมือนยุ่งยาก แต่อย่าลืมสิว่าความร้อนนั่นแหล่ะที่ทำให้แบตเสื่อมเป็นอันดับต้นๆเลย

ด้วยความปรารถนาดีจากผู้ใช้แบต6cell6600mAh

จะใช้รุ่นไหนล่ะครับ แต่ละตัวเซตต่างกันโดยเฉพาะรุ่นที่ใช้SSDจะพิเศษหน่อย
แต่ถ้าเป็นรุ่นHDDก็ลงเหมือนNotebookเลย