เทคนิคเพื่อให้ได้ตรวจกับแพทย์ดีๆ .... [เว็บบอร์ด - ชมรมเรื่อยเปื่อยแห่งประเทศไทย]
Home
News
Forums
Members
เข้าระบบ
ชื่อเรียก:
รหัสผ่าน:
จำฉัน
ลืมรหัสผ่าน?
สมัครสมาชิก!
เมนู
หน้าแรก
เปิดหูเปิดตา
Netbook Club
Netbook Plaza
สารพัดเรื่องราว
เว็บบอร์ดรวมกระทู้
TrendyPDA.com ฟอรัม Index
-
สารพัดเรื่องราว
แก้วสารพัดนึก (Off-Topic)
ชมรมเรื่อยเปื่อยแห่งประเทศไทย
เทคนิคเพื่อให้ได้ตรวจกับแพทย์ดีๆ ....
ไปด้านล่าง
กลับไปกระทู้ก่อนหน้านี้
ดูกระทู้ต่อไป
สมัครสมาชิก เพื่อโพส ข้อความ
Topic ออปชั่น
CLICK
HOVER
เลือกดูแแบบ
แบบต่อเนื่อง
Compact
ใหม่มาก่อน
นักรบมือตบ
เทคนิคเพื่อให้ได้ตรวจกับแพทย์ดีๆ ....
#1
มือสมัครเล่น
เป็นสมาชิกเมื่อ:
9/11/2008 22:46
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส:
30
เทคนิคเพื่อให้ได้ตรวจกับแพทย์ดีๆ ....
เทคนิคเพื่อให้ได้ตรวจกับแพทย์ดีๆ
สวัสดีปีใหม่ครับ ชาวโทรโข่งทุกท่าน
วันนี้มีเทคนิคดีๆ มาฝาก
เคยไหมครับ ที่เวลาเข้าไปตรวจกับแพทย์ เจอแพทย์ตวาดใส่ พูดห้วนๆ ถามคำตอบคำ
เหมือนไม่ใส่ใจเรา บางครั้งตรวจแบบขอไปที บางคนแล้วหนักโดนไล่ตะเพิดออกมา
ที่โดนหมอด่าก็ไม่ใช่น้อย ถามอะไรก็ไม่เคยจะได้คำตอบ และอีก ฯลฯ
ซึ่งผมเชื่อว่า แพทย์ดีๆ มีมากกว่าแพทย์ที่ไม่ดี
แต่บางครั้งแพทย์ดีๆ ก็กลายแพทย์ที่ไม่ดีได้ หากถูกอารมณ์เข้าครอบงำ
ดังนั้นวันนี้ ผมจึงขอนำเสนอเทคนิคดีๆ
เพื่อให้ทุกท่านได้รับการตรวจจากแพทย์เป็นไปอย่างราบรื่น อาจจะหลายข้อสักหน่อย แต่คาดว่าน่ามีประโยชน์ค่อนบ้างครับ
ให้เป็นของขวัญปีใหม่ปี 2552 แล้วกันนะครับ
เทคนิคเพื่อให้ได้ตรวจกับแพทย์ดีๆ ข้อที่
1. หากท่านเข้าไปตรวจกับแพทย์ที่แผนกผู้ป่วยนอก แม้ท่านจะรอนานหงุดหงิด หรือไม่พอใจอะไรอยู่ก่อน (เช่น พยาบาลจัดคิวให้ผิด รอตรวจช้า หาประวัติไม่เจอ ฯลฯ) ขอให้ท่านโยนมันทิ้งไป ทำใจให้สงบ แล้วเข้าตรวจด้วยอารมณ์ที่ดีและเป็นกลาง บางท่านเข้าไปถึงเมื่อเจอแพทย์ ประโยคแรกที่พูดกับหมอก็คือ “รอตั้งนานกว่าจะได้ตรวจ!” นั่นอาจทำให้สัมพันธภาพระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์จบลงตั้ง แต่ยังไม่ได้ตรวจ! เพราะแพทย์บางท่านอาจจะหงุดหงิดขึ้นมาทันที ทั้งนี้ผู้ป่วยอาจไม่ทราบว่า แพทย์ท่านอาจจะตรวจตลอด ห้องน้ำก็ยังไม่ได้เข้า ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน แพทย์อาจคิดว่า ไม่ใช่ความผิดของตนที่คนไข้รอนานกว่าจะได้ตรวจ เพราะคนไข้เยอะ เพราะบางรายต้องตรวจละเอียด บางรายต้องทำหัตถการ เป็นต้น ทำให้ไม่สามารถตรวจให้เร็วถูกใจคนไข้ได้ (ตรวจเร็วก็ว่า ตรวจไม่ละเอียดอีก)
ดังนั้นการถูกคนไข้ระบายความอัดอั้นใส่ตั้ง แต่ยังไม่ได้ตรวจ จึงอาจทำให้แพทย์ท่านหงุดหงิด โกรธ หรือน้อยใจ จนทำให้ระบายอารมณ์ที่อัดอั้นใส่แก่คนไข้คืนได้เช่นกัน บางท่านอาจจะหยุดตรวจไปเสียดื้อๆ บางท่านอาจจะตรวจแบบลวกๆ ให้ผ่านไปที บางท่านตวาดกลับใส่คนไข้ เป็นต้น
การแก้ไข หากท่านอยากได้ความมีไมตรีจิตต่อกันที่ดี อย่าพยายามระบายใส่แพทย์ เมื่อเข้าไปถึง ประโยคที่ควรพูดเพื่อสร้างสัมพันภาพที่ดีต่อกันก็คือ “สวัสดีค่ะ /สวัสดีครับ ” ท่านจะยกมือไหว้แพทย์หรือไม่ก็ได้ครับ แล้ว แต่ท่าน แต่ถ้าไหว้ก่อนกรณีที่เห็นว่า แพทย์อาวุโสกว่า (หรือแม้ว่า แพทย์ท่านจะอายุน้อยกว่า) ย่อมสร้างสัมพันธภาพที่ดีมากขึ้น หากแพทย์ไม่ได้ไหว้ตอบขอท่านอย่าถือสา ให้คิดว่า แพทย์ท่านอาจกำลังยุ่ง จดนู่นจดนี่อยู่ แต่โดยมารยาทแล้ว คนที่ควรยกมือไหว้ก่อนควรจะเป็นแพทย์เสียด้วยซ้ำ แต่หากคนไข้ไหว้ก่อน แพทย์ก็ควรรับไหว้ทุกราย ตามวัฒนธรรมประเพณีและแสดงถึงไมตรีจิตที่มีต่อกัน หลังจากทักทายดังกล่าวแล้ว หากอยากจะพูดเพื่อเริ่มสนทนา เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดี อาจใช้ประโยคที่แสดงถึงความห่วงใย เป็นห่วงหรือให้กำลังใจ เช่น “สวัสดีครับ คุณหมอ, คนไข้เยอะเชียว เหนื่อยแย่เลยนะครับ ” เป็นต้น
2. แพทย์บางคนจะพยายามซักประวัติเพื่อให้ได้มา ซึ่งคำตอบของโรค ดังนั้นอาจจะไม่พึงพอใจ หากเจอคนไข้ที่มาถึงแล้วชอบระบายก่อนที่จะได้ซักประวัติ เช่น “สวัสดีค่ะ คุณหมอ ดิชั้นเป็นอะไรไม่รู้ ปวดหัวทั้งวัน ปวดตรงขมับ จี๊ดๆ บางทีก็หนาวๆ ร้อนๆ จะว่า เครียดก็ไม่ได้เครียด แต่ว่า ทานอะไรไม่ค่อยได้เลย นี่น้ำหนักลดลงไปตั้ง 2 กิโล แล้วเวลากินข้าวเนี่ยชอบปวดตรงลิ้นปี่ แน่นหน้าอก คลื่นไส้ แล้วใจมันจะไม่ค่อยดี หวิวๆ บางทีก็ ... ฯลฯ” โดยที่ไม่มีการหยุดเว้นวรรคให้แพทย์ได้ซักถามประวัติ เพราะบางทีประเด็นที่คนไข้เล่า ไม่ได้ตรงจุดที่แพทย์ต้องการทราบเพื่อให้ได้มา ซึ่งการวินิจฉัย
ดังนั้นคนไข้ประเภทนี้อาจจะทำให้แพทย์หงุดหงิดขึ้นมาได้ในทันที เพราะอาจทำให้เสียเวลาตรวจคนไข้รายอื่น (แม้ว่า โดยหลักการแพทย์ควรจะได้รับฟังทุกปัญหาของคนไข้ แต่บางครั้งในแผนกผู้ป่วยนอกที่คนไข้รอตรวจเยอะๆ เราก็คงไม่อาจทำได้เต็มที่ทั้งหมด” การแก้ไขคือ ควรบอกประเด็นสำคัญของการมาตรวจครั้งนี้ หรือแจ้งอาการสำคัญที่มาตรวจ เช่น “สวัสดีค่ะ คุณหมอ วันนี้มาตรวจด้วยเรื่องอาการปวดศีรษะค่ะ ” หลังจากนั้นแพทย์อาจจะให้ท่านเล่ารายละเอียดว่า อาการเป็นอย่างไร ท่านจึงค่อยๆ เล่า หรือแพทย์อาจซักถามเป็นประโยคปิด เพื่อให้ได้คำตอบที่รวดเร็วและตรงประเด็น เช่น มีปวดร้าวไปท้ายทอยหรือไม่ มีอาการปวดมากตอนทำอะไร เป็นต้น โดยหากท่านต้องการจะบอกกล่าวอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่แพทย์ถาม อาจจะใช้ว่า “ขอโทษนะคะ คุณหมอ ดิฉันยังมีอาการ....ด้วยค่ะ ” เป็นต้น
3. บางครั้งคนไข้มาตรวจด้วยเรื่องอาการเดิมที่ไม่ดีขึ้น อย่าพยายามระบายเรื่องราวที่ผ่านมาให้แพทย์ท่านรับทราบก่อนที่จะ ได้รับการซักประวัติ หรือการตรวจ เช่น “สวัสดีค่ะ คุณหมอ ยาที่คุณหมอให้ไปทานทานแล้วไม่ดีขึ้นเลย คลื่นไส้เวียนหัวตลอด รักษามาตั้งหลายครั้งก็เหมือนเดิม” ท่านอาจต้องพิจารณาก่อนว่า แพทย์ที่ท่านเข้าตรวจนั้นคือแพทย์คนเดิมที่เคยตรวจท่านหรือไม่ เพราะหากไม่ใช่ การพูดเช่นนี้อาจทำให้แพทย์คนนี้หงุดหงิดขึ้นมาได้ แพทย์อาจคิดว่า ยาที่คนไข้ได้ไปคราวที่แล้วไม่ใช่ยาที่ตนเองสั่งเสียหน่อย ทำไมต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่คนไข้มาบอกว่าเรารักษาไม่ดีด้วย ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ใช่คนที่เคยรักษาคนไข้มาก่อน ต้องมาทนนั่งฟังคำบ่นที่ไม่ได้เกิดจากตนเองกระทำ
หรือ แม้ แต่เป็นแพทย์ท่านเดิมที่ท่านเคยตรวจหรือรับยากับเขามาก่อน การพูดเชิงตำหนิติติงตั้ง แต่เข้ามานั่ง ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสร้างสัมพันธไมตรี จริงอยู่ที่อาการของท่านไม่ดีขึ้น แต่อาจเกิดจากหลายๆ ปัจจัย ไม่จำเป็นว่า จะต้องเกิดจากการที่แพทย์รักษาไม่ดี เช่น ปวดท้องตลอดไม่ทุเลา แต่ท่านยังคงทานสุราประจำ , เบาหวานขึ้นยาก็ทานตลอด แต่ควบคุมอาหารได้ไม่ดี , ปวดหัวตลอด ทานยาไปแล้วก็ไม่หาย (แต่ยังสามารถปรับยาให้แรงขึ้นได้อีก ขอเวลาหน่อย) ..... เป็นต้น ดังนั้นขอให้ท่านได้เปิดโอกาสให้แพทย์ท่านซักประวัติ ตรวจร่างกาย หาสาเหตุว่า เพราะอะไรจึงไม่ดีขึ้นก่อนครับ
4. ในการพูดคุยกัน อย่าพยายามใช้ประโยคที่ส่อถึงความกังวลมากจนเกินเหตุ ให้เชื่อมั่นในการวินิจฉัยหรือการรักษาของแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น คนไข้มาตรวจด้วยเรื่องก้อนที่หน้าอกบริเวณกระดูกหน้าอก แพทย์บอกว่าปกติดี ไม่ใช่ก้อนอันตราย ไม่ใช่ก้อนมะเร็ง เป็นแค่กระดูกไหปลาร้าส่วนหัวมันนูนขึ้นจนคลำได้เท่านั้นเอง คนไข้ก็บอกว่า “อ้าว แล้วทำไมอีกข้างไม่มีก้อนนูนขึ้นมา” แพทย์บอกมันไม่จำเป็นต้องนูนทั้ง 2 ข้าง “ไม่อันตรายแน่นะคะ ไม่ใช่มะเร็งแน่นะคะ เพราะน้องสาวดิฉันเป็นมะเร็งกระดูกอยู่ แม่ก็เป็นมะเร็งเต้านม” “ดิฉันขอตรวจเลือดดูว่า เป็นมะเร็งกระดูกหรือเปล่า ดิฉันขอเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ดูว่า ข้างในมีมะเร็งรึเปล่า” “หมอไม่เจาะก้อนไปตรวจหามะเร็งหรือคะ ” เป็นต้น
5. เมื่อแพทย์ท่านแนะนำแล้วว่า อะไรดีไม่ดี อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ ท่านอาจรับฟังแล้วลองปฏิบัติตามดูก่อน ไม่ควรเอาตนเองไปเปรียบกับคนไข้รายอื่น เพราะคนไข้ แต่ละรายไม่เหมือนกัน แนวทางการหาสาเหตุแนวทางการรักษาอาจไม่เหมือนกัน เช่น คนไข้กินยาฆ่าตัวตายมา ญาติกังวลว่า ทำไมแพทย์ไม่ยอมล้างท้อง ลูกสาวตนเคยกินยามาก็เห็นแพทย์ล้างท้องให้ แล้วก็ปลอดภัย อาจ เพราะยาที่ทานครั้งนี้อาจเป็นกลุ่มกรดด่างที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง เป็นข้อห้ามในการล้างท้อง เป็นต้น
6. ไม่ควรใช้ประโยคที่มีแนวโน้มเชิงหาเรื่องแพทย์ เช่น “แล้วตกลงดิฉันเป็นอะไรกันแน่” อาจต้องทำความเข้าใจ ตาม แต่ละธรรมชาติของโรค โรคบางโรคกว่าจะรู้ว่า เป็นอะไรใช้เวลานาน ต้องรอผลชิ้นเนื้อ ผลเพาะเชื้อ เป็นอาทิตย์เป็นเดือน อาจลำบากที่จะให้แพทย์ฟันธงว่า คนไข้เป็นอะไร เพราะข้อมูลในมือแพทย์อาจยังไม่เพียงพอที่จะสรุปได้ ยังต้องรอทำสิ่งอื่นต่อไปก่อน หากต้องการถาม ควรเลี่ยงไปใช้ประโยคว่า “ขอโทษนะคะ คุณหมอ เบื้องต้นคุณหมอสันนิษฐานว่า ดิฉันป่วยเป็นอะไรคะ ” จะดีกว่า
7. เมื่อแพทย์ท่านซักประวัติ ท่านอาจต้องให้ความร่วมมือบ้าง บางครั้งแม้ท่านจะทราบว่า ประโยคเหล่านี้เคยถามแล้ว ก็ตาม เช่น หมอถามคนไข้ว่า “แพ้ยาอะไรไหมครับ ” ท่านไม่ควรตอบว่า “ในประวัติก็มีแล้วนี่นา” ท่านควรจะบอกซ้ำตอบอีก การที่แพทย์ถามเพื่อดูว่า ประวัติที่ลงไว้กับที่คนไข้ทราบว่า แพ้อยู่นั้นตรงกันหรือไม่ หรือเพื่อดูว่า คนไข้ทราบหรือไม่ว่า ตนเองแพ้ยาชื่อว่า อะไร ถ้าไม่ทราบจะได้แจ้งให้ทราบ การตอบเช่นนั้น ไม่สร้างสัมพันธภาพเท่าไรนัก
8. ระหว่างตรวจกับแพทย์ เป็นไปได้ควรปิดโทรศัพท์มือถือ เพราะจะขัดจังหวะการซักถามประวัติ หรือ บางครั้งขณะทำหัตถการบางอย่าง ถ้าท่านไม่อยู่นิ่งๆ หรือท่านกำลังคุยโทรศัพท์ หรือปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังตลอดเวลา แพทย์จะเสียสมาธิ หงุดหงิด หรืออาจเกิดอันตรายขึ้นได้ แต่ถ้าไม่ปิดหากมีผู้โทรเข้าท่านควรขออนุญาตรับแล้วบอกว่าท่าน จะโทรกลับภายหลังกำลังตรวจกับแพทย์อยู่ ไม่ควรคุยธุระไป ให้แพทย์ตรวจไปพลาง หรือคุยธุระจนเสร็จแล้วค่อยให้แพทย์ตรวจหรือซักถามต่อ พึงระลึกเสมอว่า มีคนไข้รอตรวจอีกหลายคน
9. ถ้าท่านมีธุระส่วนตัวกับแพทย์ อย่าได้นำมาพูดคุยกันระหว่างที่แพทย์ตรวจอยู่ที่แผนก ควรหาเวลาว่างนัดหมายเป็นการส่วนตัว เพราะจะทำให้คนไข้รายอื่นรอนานขึ้น และแพทย์อาจจะหงุดหงิด ตำหนิ ที่ท่านไม่รู้จักกาลเทศะ เอาเวลางานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกัน
10. ไม่ควรใช้ประโยคเชิงบังคับหรือออกคำสั่งแก่แพทย์ เพราะแพทย์บางท่านจะไม่ชอบการมีคนมาสั่งให้ทำนู่นนี่ เช่น คนไข้อุบัติเหตุรถล้มไม่สลบตั้ง แต่เมื่อ 5 วันก่อน วันนี้มีอาการปวดหัว ญาติพามาหาหมอ แล้วพูดว่า “หมอ เอ็กซเรย์กะโหลกหน่อย ดูซิข้างในหัวเป็นอะไรมากรึเปล่า ปวดหัวเรื่อยเลย” การส่งทำหัตถการใดๆ อยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ ว่ามีข้อบ่งชี้หรือไม่ จำเป็นหรือไม่จำเป็น ทำแล้วได้ประโยชน์หรือไม่ เสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุหรือไม่ ดีหรือเสียมากกว่ากัน เป็นต้น ถ้าท่านมีความกังวลและอยากเอ็กซเรย์ ควรเล่าประวัติและรอแพทย์ตรวจร่างกายเสร็จก่อน แล้วใช้ประโยคที่ว่า “คุณหมอคะ จำเป็นต้องเอ็กซเรย์กะโหลกไหมคะ ” หรือ “ถ้าจะเอ็กซเรย์กะโหลกจะมีประโยชน์ไหมคะ ” หรือ “ในคนไข้รายนี้ การเอ็กซเรย์กะโหลกจะช่วยอะไรได้บ้างไหมคะ ” จะนุ่มนวลกว่าครับ
วันนี้นำมา 10 ข้อก่อนครับ ยังมีอีกหลายข้อครับ
นำมาจากประสบการณ์ทั้งจากตนเองและจากการสังเกตแพทย์คนอื่นๆ ครับ
../ แพทย์ก้อมีหัวใจ
โพสเมื่อ : 16/3/2009 16:05
Transfer
Ornchan
Re: เทคนิคเพื่อให้ได้ตรวจกับแพทย์ดีๆ ....
#2
มือเซียน
เป็นสมาชิกเมื่อ:
11/4/2007 17:18
กลุ่ม:
ผู้คุ้มกฎ
โพส:
3995
โพสเมื่อ : 16/3/2009 17:08
_________________
Life goes on.
Transfer
apiwatt
Re: เทคนิคเพื่อให้ได้ตรวจกับแพทย์ดีๆ ....
#3
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
29/9/2008 18:50
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส:
241
เห็นใจแพทย์ที่ดีนะครับ แต่ก็เห็นใจคนไข้ที่ดีเช่นกัน
โพสเมื่อ : 17/3/2009 20:49
_________________
Acer A150 Hdd120 สีดำ
SystemA110 Ghost by c-cew
Transfer
ไปด้านบน
กลับไปกระทู้ก่อนหน้านี้
ดูกระทู้ต่อไป
สมัครสมาชิก เพื่อโพส ข้อความ
[
ค้นหา ขั้นสูง
]
-- เลือก ฟอรัม --
[Netbook Club]
-- ASUS Eee PC Club
-- Acer Aspire One Club
-- MSI Wind Club
-- HP Mini-Note Club
-- Benq Joybook Lite Club
[สารพัดเรื่องราว]
-- แนะนำตัวน้องใหม่
-- ปัญหาการใช้เว็บ
-- กิน ดื่ม เที่ยว
-- แก้วสารพัดนึก (Off-Topic)
---- ชมรมเรื่อยเปื่อยแห่งประเทศไทย
---- ภาษาญี่ปุ่นวันละคำ
---- ครัว Trendy
[Netbook Plaza]
-- News & General Talk
-- Tablet PC Talk
-- Windows Talk
-- Linux Talk
-- Mac OS X Talk
-- Accessories Talk
-- DIY & Modifying Talk
-- Technics & Articles
-- Freebies
-- Other Netbooks / Devices Talk
-- TrendyPDA IT Market