เช้านี้เกิดการเซ็งอย่างแรง เพราะว่าเจ้านายเมลมาจากจาการ์ต้า ถามว่าเกิดไรขึ้นมะวาน
ป้าอรลืมเล่า คือประมาณ 9 โมงหน่อยๆ มะวานนี้ แผนก admin อีกฝั่งเดินมาถาม HR ว่าได้กลิ่นอะไรมั๊ย เพราะว่าฝั่งโน้นได้กลิ่นคาวๆ ผสมไหม้ๆ ตอนแรกพวกเราก็ไม่ได้กลิ่นหรอก แต่อีกฝั่งบอกว่าเริ่มแรง พอดีป้าอรเดินไปเข้าห้องน้ำ ตรงประตูฝั่งนี้กลิ่นแรงเลย เลยกลับมาที่แผนกคิดกันว่าเอาไงดี ปรากฏว่าตอนนั้น กลิ่นมันลามมาถึง HR แล้ว เป็นกลิ่นสายไฟไหม้ ก็เก็บของกันสิคะ จะอยู่ไปทำไม พอเดินออกไป แผนก finance ก็ออกมากันหมดแล้ว กันไว้ดีกว่าแก้อะ
ก็ลงไปรอกันที่โถงข้างล่าง บางคนก็โทรแจ้งเพื่อนแผนกอื่นที่ชั้นอื่น แต่เค้าย่อมไม่ได้กลิ่น ก็มีบางคนที่ตามลงมาบ้าง ทาง admin ก็ให้ตึกไปตรวจหาต้นเหตุของกลิ่นใหญ่ จนกระทั่งเจอว่าเป็นการไหม้ของสวิชต์ไฟ...แต่ป้าอรก็ยังไม่ค่อยเชื่อว่าแค่สวิชต์ไฟทำไมกลิ่นมันลามไปได้ทั้งชั้น
ปรากฏว่าพวกฝรั่งขี้ฟ้องฮ่ะ มันเมลไปหาเจ้านายบอกว่า ทำไมมีการอพยพคนวุ่นวายทั้งๆ ที่เป็นแค่สวิชต์ไฟไหม้ แล้วก็ไปบอกต่อๆ กัน ทำให้ชั้นอื่นเสียเวลาทำงาน
เจ๊อรเลยตอบไปว่า ที่พูดงี้ได้ก็เพราะเหตุการณ์จบแบบไม่มีอะไร แต่ลองคิดดูว่า ถ้ามันเกิดอะไร แล้ว HR ไม่แจ้งใคร จะเป็นงัย...ว่ามะ
อีกอย่าง การปลอดภัยไว้ก่อนมันไม่คุ้มค่าพอกับแค่ครึ่งชั่วโมงที่เสียไปเหรอ...แม๊ พูดแล้วของขึ้น มันตีค่าชีวิตคนไว้ยังงัยฟะ
- - -แล้วก็บอกเจ้านายว่า ถ้าชั้นไม่ได้กลิ่นอะไร ก็คงจะ trust fire/smoke alarm system แต่นี่มันคนละเรื่องกัน ชีวิตใครๆ ก็ต้องดูแลเองก่อนล่ะ...ส่วนไปเรียกว่าอพยพคน มันก็ไม่ถูก เพราะพนักงานชั้น 16 เค้าก็โทรบอกแต่เพื่อนๆ ที่เค้าเป็นห่วง มีตั้งหลายคนที่ไม่ลงมา สรุป มันเป็นเรื่องการตัดสินใจส่วนบุคคลว่าอยากจะเอาชีวิตรอดไหม...ผิดเหรอ
ของขึ้นพวกฝรั่งมากเลย ทำยังกะคนเป็นแรงงานทาส ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ แล้วจะรู้สึก