1 cycle ในการช็ตแบตไม่ได้หมายถึงการชาร์ตหนึ่งครั้งนะครับ ยิ่งเป๋นแบบ Li-on แล้ว ถ้าใช้แบตจนเกลี้ยงจะเป็นการทำให้แบตเสื่อมเร็วขึ้นครับ

เคยอ่านบทความของคุณศุภชัย(mrpalm.com) ที่อธิบายเรื่องนี้มาครับ ถ้าเจอจะเอา link มาฝากครับ

หากชาร์จครั้งละ 10% ต้องชาร์จถึง 10 ครั้งครับถึงจะเรียกว่า 1 cycle

ที่เคยอ่านเจอก็ตามนั้นครับ ถึง 100% จึงเป็น 1 cycle

ธรรมชาติของถ่านชนิดลิเที่ยม ชอบการช๊าตบ่อยๆครับหมายถึงเวลาเล่นถ้าหาปลั๊กได้ก็ให้เสียบเลย และอย่าใช้จนหมดแล้วช๊าตแบตจะเสื่อมเร็ว

ใครใช้แบต Li-Ion ไม่ว่าจะเป็นใน Notebook PDA กล้อง มือถือ ก้อไม่ควรใช้แบตจนหมด แบตจะเสื่อมเร็ว ควรชาร์จบ่อย ๆ เพราะแบตพวกนี้ต้องการให้มีกระแสไฟอยู่ตลอดเวลา ถ้าใช้จนเกลี้ยงจะเสื่อม อย่าสับสนกับแบตสมัยก่อนที่มี memory effect จึงต้องใช้หมดค่อยชาร์จ แบต Li-Ionไม่มี memory effect

เคยอ่านในหนังสือ
wifi กินแบทมากปิดไปซะ เพิ่มแบท10%
LCD ลดไฟต่ำๆ เพิ่มแบท20%
HDD พยายามอ่านเขียนน้อยๆ (เพิ่มแรม ดีแฟรก แสตนบายHDD)เพิ่มแบท5%(กะeeeคงไม่ต้อง)
CPU อย่ารันโปรแกรมที่cpuทำงานหนัก เพิ่ม30%
bluetooth ไม่ใช้ เพิ่มแบท3%
VGA ลดคล๊อกของVGAลงทางไดรว์เวอร์ เพิ่มแบท10%
fan ลดการหมุนพัดลมcpu เพิ่มแบท4%(ผมว่าเสี่ยงแฮะประเทศเราเมืองร้อน)

อายุแบทแบ่งเป็น3ส่วนนะครับ เท่าที่เคยอ่านเจอ
1 คือ กายภาพของแบท อยู่ที่การเก็บรักษา อุณภูมิ ความชื้น ไฟที่ยังเหลือ และเสื่อมเก็บไฟได้น้อยลงทุกวัน ไม่ว่าใช้หรือไม่ใช้
2 คือ จำนวนรอบการช๊าต นับ100%x100รอบ(ประมาณ) ใช้ไป10% ช๊าตใหม่ ก็ยังเหลืออีก9990%
3 คือ การควบคุมผ่านชิพวงจรภายใน นอกจากคำนวนปล่อย,ตัด ไฟเข้า ยังคำนวนว่า ใช้ถึงระดับไหน จะปิดไม่ให้มันใช้งานได้อีก

ถึงยังเหลือ%ช๊าตอีกมาก แต่การเสื่อมจากความร้อน กะ อายุไข มันก็ยังไหลไปเรื่อยๆอยูดี ถ้าเก็บประจุได้น้องลง 100%ช่วงหลังก็ได้ไม่เท่า100%ช่วงแรก
แล้ววันดีคืนดีวงจรมันตัดสินใจหยุดการทำงาน ก็จะช๊าตไฟไม่เข้าเอาดื้อๆไปเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที ยังช๊าตใช้ได้เป็นชม.แท้ๆ