แท็บเลทระบบปฏิบัติการ Windows 7 อีกหนึ่งแบรนด์ที่น่าสนใจ แม้สเปคโดยทั่วไปจะไม่ได้แตกต่างจากแท็บเลท Windows 7 อื่นๆ มากนัก แต่ด้วยส่วนติดต่อผู้ใช้ชื่อว่า Connect Four UI ที่ออกแบบมาอำนวยความสะดวกการใช้นิ้วทำงานได้อย่างดี ถือว่าเป็นจุดเด่นเหนือแท็บเลท Windows 7 แบรนด์อื่นได้
สำหรับสเปคของ ExoPC แท็บเลท Windows 7 โดยทั่วๆ ไปก็เหมือนแท็บเลท Windows 7 อื่นๆ คือยังคงใช้ซีพียู Intel Atom Pine Trail (N450/N455) มีหน่วยความจำภายใน 2 GB สื่อบันทึกข้อมูลเป็น SSD ความจุ 32 GB หน้าจอสัมผัสแบบ capacitive ขนาด 11.6" รองรับการใช้งานแบบมัลติทัชแสดงผลที่ 1366 x 768 พิกเซล มีการ์ด Broadcom Crystal HD ช่วยให้เล่นไฟล์เคลื่อนไหวหรือวีดีโอแบบ 1080p HD ได้สบายๆ ตัวเครื่องหนาเพียง 0.5" ซึ่งหนากว่า Apple iPad เพียง 0.02" เท่านั้น น้ำหนักก็หนักเพียง 2.09 ปอนด์หรือ 950 กรัมเท่านั้น
มาแกะกล่องดูกันดีกว่า กล่องของ ExoPC จะมีลายเป็นจุดๆ เยอะแยะเต็มไปหมด มันไม่ใช่แค่ดีไซน์แค่ให้กล่องสวยเท่านั้น จริงๆ มันสื่อถึงสิ่งที่อยู่ภายในได้เป็นอย่างดี
แกะกล่องออกมาก็พบกับแท็บเลทขนาดค่อนข้างใหญ่แต่บางเบา วัสดุเป็นพลาสติก ขอบเครื่องไม่เป็นสีโลหะอย่างแท็บเลทแบรนด์อื่นๆ
ในกล่องมีให้ขาตั้งแบบพับได้และชุดทำความสะอาดหน้าจอมา แม้ทาง ExoPC จะบอกว่าหน้าจอได้เคลือบสารกันรอยนิ้วมือติดแล้วก็ตาม
ขาตั้งเมื่อกางออกจะเป็นสามขา หลักการเดียวกับที่วางรูป ดูแข็งแรงดี ไม่โยกเยกไปมาง่ายๆ
มาดูตัวเครื่องกันต่อเลย รูปลักษณ์ภายนอกก็เหมือนๆ กับแท็บเลทอื่นๆ แทบทุกเครื่องในตลาด คือมีขอบจอสีดำมันวาว มีจอใสๆ ซึ่งเป็นหน้าจอสัมผัสเป็นส่วนสำคัญ
ขอบด้านข้างของ ExoPC เป็นพลาสติกสีดำ อาจดูไม่หรูหราเหมือนขอบสีโลหะ แต่ก็ดูเรียบหรูไปอีกแบบ จุดเด่นของแท็บเลทระบบปฏิบัติการ Windows 7 เหนือแท็บเลทระบบปฏิบัติการอื่นก็คือตัวเครื่องจะมีพอร์ทมาให้มากกว่า สำหรับ ExoPC จะมีพอร์ท USB มาให้ 2 ช่อง พอร์ท Mini HDMI ช่องเสียบหูฟัง ช่องเสียบ SD card และช่องเสียบ SIM card (สำหรับรุ่นที่รองรับ 3G) แต่ไม่มีพอร์ท RJ45 Ethernet LAN แล้ว แต่ใครจะถือแท็บเลทแล้วเสียบสาย LAN กัน เดี๋ยวนี้เขาใช้ Wireless LAN หรือ WiFi กันหมดแล้ว
ขอบด้านข้างอีกด้านไม่มีอะไร โล้นๆ กลมๆ เกลี้ยงๆ
ด้านหลังเป็นพลาสติกสีดำมัน มีโลโก้ ExoPC ตรงกลางเด่นเป็นสง่า มุมด้านหนึ่งมีปุ่มเปิดปิดเครื่องมาแอบอยู่ตรงนี้ ใต้ปุ่มมีรูน่าจะสำหรับ reset เครื่องเวลามีปัญหา
ด้านล่างมีช่องลำโพงขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง ตรงกลางมีช่อง connector อะไรสักอย่าง น่าจะสำหรับการเสียบกับ docking station
ใครว่า Apple iPad บางมาก จริงๆ มันบางเฉพาะส่วนขอบ หากวางราบกับพื้่นจริงๆ ก็หนาประมาณ 0.5" เหมือนกัน ความหนาของ ExoPC จะหนากว่าความหนาของ iPad เล็กน้อยเท่านั้น
ลองเปิดเครื่องดูหน่อย จะเห็นว่าพอมาแล้วจะพบกับหน้าจอ Desktop ของ Windows 7 อย่างที่คุ้นเคย
แต่สิ่งที่พิเศษกว่าแท็บเลทแบรนด์อื่นๆ ก็คือ Connect Four UI ซึ่งเป็นส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ทางผู้ผลิต ExoPC ออกแบบมาครอบส่วนติดต่อผู้ใช้ของ Windows 7 อีกที โดยจะมีไอคอนกลมๆ วางเรียงอยู่บนหน้าจอเยอะแยะไปหมด หากต้องการเรียกใช้ก็เพียงใช้นิ้วแตะไปที่ไอคอนนั้นๆ เมื่อเรียกโปรแกรมมาใช้งานแล้ว จะมีไอคอนแสดงโปรแกรมที่เปิดอยู่ทางขวามือ ทำให้สามารถเลือกเปลี่ยนโปรแกรมใช้งานได้ง่าย หากต้องการปิดโปรแกรมนั้นๆ ก็เพียงเลื่อนไอคอนไปทางขวาให้หลุดออกนอกจอไป ใช้งานง่ายจริงๆ
หากตำแหน่งไอคอนอยู่ในที่ๆ ไม่ถูกใจ ก็สามารถใช้นิ้วเลื่อนไปวางไปตำแหน่งอื่นแทนได้ สะดวกดี ตอนนี้ก็คงหายสงสัยกันแล้วว่าทำไมกล่องของ ExoPC ถึงเป็นลายกลมๆ เต็มไปหมด
นอกจากส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ทางผู้ผลิต ExoPC เตรียมไว้แล้ว ยังมี ExoStore ซึ่งเป็น App Store สำหรับให้ผู้ใช้ได้ดาวน์โหลดทั้งโปรแกรม หนังสืออีบุ๊ค เกมส์ สื่อการเรียนการสอนและเพลงได้ง่ายๆ อีกด้วย
หากต้องการป้อนข้อมูลมากๆ ก็มีคีย์บอร์ดเสมือนขนาดหมึมาให้ใช้งาน มีปุ่ม Cut / Copy / Paste / Undo / Redo และปุ่มบังคับทิศทางให้ครบครัน
หากต้องการเขียนด้วยลายมือหรือวาดภาพ ทาง ExoPC ก็แถมปากกา Stylus สำหรับใช้งานกับหน้าจอแบบ capacitive มาให้ด้วย
แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าจะแชทไม่ได้ เพราะ ExoPC มีกล้องด้านหน้ามาให้ด้วย โดยจะมีเซนเซอร์เล็กๆ อยู่ใกล้ๆ คอยวัดแสงเพื่อเปลี่ยนความสว่างหน้าจอให้อัตโนมัติ ไมโครโฟนในตัวก็อยู่ด้านเหนือจอตรงกลาง
ต้องถือว่า Connect Four UI นี้เป็นส่วนติดต่อผู้ใช้ที่ออกแบบได้ดี ไม่หน่วงเครื่องมากด้วย อย่างไรก็ตาม หากไม่ชอบใจ ก็สามารถปรับกลับมาใช้หน้าจอ Desktop แบบบ้านๆ ของ Windows 7 เหมือนเดิมก็ได้ มาถึงตรงนี้ หลายคนคงตั้งคำถามว่า ExoPC มีราคาเท่าไร เฉลยเลยว่า $599 หรือประมาณ 18,000 บาท ไม่รู้ว่าจะมีใครนำเข้ามาขายบ้างหรือไม่ ดูแล้วน่าใช้ดี
อ้างอิง :
engadget.com