แม้แท็บเลทระบบปฏิบัติการ Android จะมีให้เลือกมากมายในปี 2011 นี้ ส่วนใหญ๋จะมีหน้าจอแค่ 7" - 10" เท่านั้น หากต้องการแท็บเลทหน้าจอใหญ่ๆ เพื่อมาทำงานจริงๆ จังๆ คงต้องรอแท็บเลทระบบปฏิบัติการ Windows 7 ซึ่ง ASUS ก็ตอบสนองความต้องการนี้ด้วย Eee Slate EP121 แท็บเลทหน้าจอ 12.1" ใช้ซีพียู Intel Core i5
ASUS Eee Slate EP121 มีสเปคดังนี้
- ซีพียู Intel Core i5 470UMD ความถี่ 1.33 GHz
- หน้าจอสัมผัสขนาด 12.1" แสดงผลที่ 1366 x 768 พิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ Windows 7 Home Premium 64 bit
- หน่วยความจำ 2 GB
- สื่อบันทึกข้อมูลแบบ SSD ความจุ 32/64 GB
- ระบบไร้สาย WiFi 802.11 b/g/n, Bluetooth 3.0
- พอร์ท USB 2.0 x 2, ช่องเสียบหูฟังและไมโครโฟน (ช่องเดียวกัน), mini HDMI, 3-in-1 card reader
- กล้องเว็บแคม 2 ล้านพิกเซล
- ลำโพงสเตอริโอ 2 ตัวพร้อมไมโครโฟนในตัว
- แบตเตอรี่ 4 เซลล์
- น้ำหนัก 1.17 กิโลกรัม
มาแกะกล่องดูกันว่า Eee Slate EP121 มีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นอย่างไร มีอะไรให้มาด้วยในกล่อง จะน่าใช้แค่ไหน มาดูกัน
เปิดกล่องขึ้นมาก็พบ Eee Slate EP121 ใส่อยู่ในซองหนังสีดำวางอยู่บนสุด
ด้านล่างมีคีย์บอร์ดบลูทูธมาให้ด้วย มีกล่องอุปกรณ์เล็กๆ เบียดอยู่ด้านบน
หยิบ Eee Slate EP121 ออกมาส่องดูเสียหน่อย เมื่อใส่ซองหนังอยู่ มันดูหนาไม่ใช่เล่น
ซองหนังหุ้มได้แน่นหนาดีแต่ส่วนที่หุ้มจอดูหนาไปหน่อย น่าจะทำเหมือนซองของ Apple iPad ที่เห็นหน้าจอครบทั้งแผ่นไม่มีอะไรมาปกคลุม
ส่วนที่พิเศษของซองหนังที่แถมมาก็คือ มันมีขาตั้งแบบพับได้มาให้ด้วย สามารถพับออกมาตั้งได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
เวลาใช้งานในแนวนอนจะเป็นลักษณะนี้
เวลาใช้งานในแนวตั้งก็จะเป็นลักษณะนี้ ASUS ออกแบบซองหนังมาได้ดี แม้จะไม่ดูหรูหรา แต่ประโยชน์ใช้สอยเยี่ยมยอดมาก
หากเอามาใช้งานกับคีย์บอร์ด ก็ตั้งจอให้สูงขึ้นได้ เสียบเมาส์เพิ่มอีกหน่อย ก็ใช้เป็นเครื่องเดสก์ทอปแบบแยกชิ้นขนาดย่อมๆ ได้เลย
ถอดตัวเครื่องออกมาจากซองหนังดูให้ละเอียดหน่อยดีกว่า จะเห็นว่านอกจากกรอบจอสีดำแล้ว ยังมีกรอบสีขาวล้อมไว้อีกชั้น ด้านหน้าจอมีเพึยงปุ่มครึ่งวงกลมเพียงปุ่มเดียว
ด้านบนเหนือจอมีกล้องเว็บแคมความละเอียด 2 ล้านพิกเซลสำหรับใช้งาน video chat
ด้านขวาของจอมีปุ่มครึ่งวงกลมอยู่ กรอบสีขาวด้านข้างไม่ได้เป็นกรอบเรียบๆ แต่มีลายฉลุเป็นแนวยาว ดูดีเหมือนกัน
ด้านซ้ายของเครืองมีพอร์มและปุ่มต่างๆ พอสมควร เริ่มจากซ้ายมีช่องเสียบสายชาร์จ ปุ่มเพิ่มและปุ่มลดเสียง พอร์ท mini HDMI ช่องเสียบหูฟังและไมโครโฟน พอร์ท USB 2 ช่องโดยมีรูเล็กๆ สำหรับรีเซทเครื่องตรงกลาง ขวาสุดมีลำโพงตัวเล็กๆ อยู่ ถัดต่ำลงมาหน่อย ช่วงกลางมีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ ถัดไปด้านขวามีช่องเสียบ 3-in-1 card reader
พอร์ทไปอยู่ด้านซ้ายหมด ด้านขวาจึงเหลือแต่ลำโพงเพียงอย่างเดียว
ด้านบนมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง ไฟสถานะ ถัดมาเป็นปุ่มติดต่อ/เรียกใช้งานคีย์บอร์ดบลูทูธ ปุ่มสุดท้ายเป็นปุ่มล็อคการหมุนหน้าจออัตโนมัติ
ด้านบนนี้ก็มีช่องระบายอากาศเหมือนกัน
ด้านล่างก็ยังมีช่องระบายอากาศเป็นแนวยาว เวลาใช้งานคงต้องเลือกถือเครื่องให้เหมาะสม มิฉะนั้น อาจโดนลมร้อนเป่าจนร้อนมือได้
ด้านหลังเป็นพลาสติกมีลายเพื่อป้องกันรอยนิ้วมือติด ตรงกลางมีโลโก้ ASUS ให้เห็นอย่างชัดเจน
เนื่องจาก ASUS ตั้งใจผลิตให้ Eee Slate EP121 เป็นแท็บเลทสำหรับใช้งานจริงๆ จังๆ จึงมีปากกาดิจิไทเซอร์มาให้ด้วย โดยไม่ต้องพกแยกให้ยุ่งยาก เพราะสามารถสอดเก็บไว้ในเครื่องโดยมีฝาปิดมิดชิด
เวลาต้องกานใช้งานก็เพียงเปิดฝาออกมา ปากกาดิจิไทเซอร์ก็จะเด้งขึ้นมาให้ใช้งานได้ทันที
แม้หน้าจอจะสามารถบังคับควบคุมได้ด้วยนิ้วมือ แต่สำหรับการจดโน้ตหรือวาดรูปแล้ว ปากกาย่อมให้ผลที่แม่นยำกว่า
นอกจากปลายด้านหนึ่งที่เป็นเหมือนปากกาแล้ว ปลายอีกด้านยังเป็นเหมือนยางลบด้วย หากใช้กับโปรแกรมที่สนับสนุน (Photoshop, Artrage) ก็สามารถใช้ปลายด้านนี้มาถูหน้าจอเหมือนถูยางลบได้เลย
ASUS มีแถมหัวปากกาพร้อมอุปกรณ์เปลี่ยนมาให้ด้วย
คีย์บอร์ดบลูทูธนี้ไม่ใช่ีคีย์บอร์ดหน้าใหม่ที่ไหน มันคือ Microsoft Bluetooth Mobile Keyboard 6000 นั่นเอง
ตัวคีย์บอร์ดมีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่เตือนให้ผู้ใช้รู้ก่อนด้วย ไม่ต้องห่วงว่าใช้ๆ ไปแล้วแบตเตอรี่หมดไปดื้อๆ
คีย์บอร์ดใช้ถ่านไฟฉายขนาด AAA จำนวน 2 ก้อน เวลาไม่ใช้งานก็มีสวิทช์ปิดเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ได้
ความหนาของคีย์บอร์ดก็หนาเพียงครึ่งหนึ่งของด้านกว้างของ SD card เท่่านั้นเอง น่าจะทำให้พกพาได้ไม่ยากนัก
อแดปเตอร์แปลงไฟของ Eee Slate EP121 ออกแบบมาได้ถูกใจมาก นอกจากจะเป็นสีขาวสวยงามแล้ว มันยังแบนและมน ไม่เหมือนก้อนอิฐอย่างอแดปเตอร์ทั่วไป
และที่พิเศษมากๆ ก็คือ มันมีช่อง USB สามารถชาร์จอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้ชาร์จผ่านสาย USB ได้
เนื่องจาก Eee Slate EP121 เป็นแท็บเลทหน้าจอใหญ่ถึง 12.1" ซึ่งไม่ใช่แค่มีหน้าจอที่ใหญ่ แน่นอนว่า ASUS ต้องใส่แบตเตอรี่ก้อนใหญ่ขึ้นหนักขึ้นมาพร้อมกันด้วย สำหรับน้ำหนักตัวเครื่องเปล่าของมันคือ 1178 กรัม หนักพอสมควรเลยสำหรับแท็บเลท
แต่เวลาพกไปไหนมาไหน ส่วนใหญ่จะต้องใส่ซองหนังด้วย น้ำหนักรวมซองหนังหนักถึง 1612 กรัม หนักเอาเรื่อง
ถ้าพกแบบครบเครื่อง ทั้งคีย์บอร์ดและสายชาร์จ จะหนักถึง 2254 กรัม ความหนักขนาดนี้พอๆ กับโน้ตบุ๊คหน้าจอ 12.1" เครื่องหนึ่งเหมือนกัน เวลาเอาไปใช้นอกบ้านหรือนอกที่ทำงาน คงต้องเอาไปเฉพาะตัวแท็บเลทใส่ซองหนังไป น่าจะพอไหว
อ้างอิง :
blogeee.net