แบกเป้เที่ยวเกาะหมากกับน้องอีและพี่อาทิตย์ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวเกาะหมาก จังหวัดตราด และก็ได้น้องอี (Eee PC) และพี่อาทิตย์ (HTC Artemis/ Dopod P800W) ช่วยให้การไปเที่ยวครั้งนี้สะดวก ปลอดภัย แถมยังได้ช่วยแก้เหงาได้ดีอีกด้วย
เกาะหมากอยู่ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด หากไปจากกรุงเทพฯ ก็ขับรถไปถนนบายพาสตรงไปที่อ. แกลงของจัวหวัดระยอง และเลี้ยวซ้ายเข้าจันทบุรี ขับตรงไปเรื่อยๆ มีเลี้ยวนิดหน่อย แต่ก็มีป้ายบอกทางชัดเจน เรียกว่าขับรถโง่ๆ งงๆ ประมาณเกือบ 4 ชั่วโมง (รวมเวลาเหล่สาวตามปั๊มต่างๆ แล้ว) ก็จะถึงท่าเรือตรงอ. แหลมงอบ จะมีเรือพาไปเกาะทั้งสามทุกวัน หากลงเรือแบบปกติไปเกาะหมาก ก็ราวๆ 4 ชั่วโมง แต่ผมค่อนข้างจะเป็นคนที่เมาเรือง่าย จึงตัดสินใจเดินทางด้วยเรือสปีดโบ็ท ซึ่งใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ระหว่างที่นั่งอยู่ในสปีดโบ็ท ก็ได้พี่อาทิตย์หรือ HTC Artemis ช่วยแก้เบื่อได้อย่างดี พี่อาทิตย์พาน้องขมิ้นมาด้วย (Garmin Mobile XT) น้องขมิ้นเอาไว้เชื่อมต่อดาวเทียว GPS สำหรับนำทางหรือดูตำแหน่งพิกัดปัจจุบันของเราได้ น้องขมิ้นทำได้ได้ดี น่าพอใจมาก เห็นตำแหน่งปัจจุบันของตัวเองเคลื่อนที่อยู่ในทะเลไปตลอดทาง และที่พิเศษมากๆ ก็คือจะรู้ด้วยว่าเรือขับด้วยความเร็วเท่าไร ใช้เวลาอีกกี่นาทีจะถึงที่หมาย
ผมได้กดค้นหาที่พักและให้โปรแกรมนำทางไปด้วย แต่เนื่องจากโปรแกรมไม่มีโหมดเดินเรือ โปรแกรมออกแบบมาสำหรับการขับรถหรือเดินเท่านั้น ทำให้โดนนำทาง โปรแกรมจะพยายามค้นหาเส้นทางใหม่ตลอดเวลาเพื่อพาผมกลับไปที่ถนนที่แหลมงอบให้ได้ นั่งดูหน้าจอไปก็ขำไป แต่โปรแกรมมันก็ฉลาดดี ถือว่าน่าพอใจมาก อ้อ ลืมบอกไปว่า ระหว่างทางไปเกาะหมากมีสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ DTAC เกือบตลอดเส้นทาง แม้จะอยู่กลางทะเลก็ตาม จะมีขาดหายไปบ้างตรงช่วงกลางๆ ระหว่างทาง แต่ก็ทำให้แปลกใจ ไม่คิดว่าอยู่กลางทะเลยังใช้โทรศัพท์ได้
ไปถึงวันแรก เข้าห้องพักไป แป่ววววว ไม่มีทีวีในห้องพัก หากอยากดูทีวี ต้องไปดูทีวีจอยักษ์ในห้องอาหาร ซึ่งมีถึง 2 เครื่อง รับสัญญาณ True visions ด้วย ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร หลังกินข้าวเย็นเสร็จ แทนที่จะเดินกลับห้องพัก ก็เลยไปเดินเล้นตรงท่าเรือที่ยื่นยาวออกไปในทะเล นอนนับดาวได้สบาย เพราะท้องฟ้าโปร่ง เห็นดาวชัดเจนมากๆ แต่นั่งไปสักพักก็โดนยุงเล่นงาน หนีกลับเข้าห้องดีกว่า
เข้าห้องพักไปประมาณสามทุ่ม ก็เอาแล้วสิ ยังไม่ดึกเลย จะทำอะไรดีหว่า ทีวีก็ไม่มีให้ดู ก็เลยได้น้องอีและพี่อาทิตย์ช่วยไว้ โดยผมเปิด Internet Explorer แล้วเข้าเว็บที่ส่งสัญญาณวิทยุแบบออนไลน์ แน่นอน เวลาจะออนไลน์ น้องอีก็ต้องไปอ้อนพี่อาทิตย์ให้ช่วยต่อ GPRS/EDGE ให้ ซึ่งพี่อาทิตย์ก็ใจดี ต่อปุ๊บติดปุ๊บ ฟังเพลงออนไลน์ได้สบาย และเมื่อออนไลน์ได้ ไซเบอร์สเปซก็กลับมาในชีวิต ผมสามารถนั่งฟังเพลงออนไลน์ไป ท่องอินเตอร์เนทคอยตอบคำถามในเว็บ TrendyPDA.com นี้ไป และยังคุย MSN ไปในเวลาเดียวกันด้วย โอ้... จอร์จ มันยอดมากเลย
วันที่สองที่อยู่ที่นั่น ก็ออกเรือไปดำน้ำตามเกาะใกล้ๆ กันตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็น ไม่ได้เอาทั้งน้องอีและพี่อาทิตย์ติดตัวไปด้วย คิดถึงชะมัดเลย ต้องนั่งเรือตังเกไปเกาะแก่งต่างๆ เมาเรือจนกินข้าวไม่ค่อยจะลง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะตามเกาะแก่งแถวๆ นั้น มีปะการังสวยๆ เยอะแยะมาก สภาพสมบูรณ์ใช้ได้เลยทีเดียว ปลาเล็กปลาน้อยก็มีมากมาย โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนดำน้ำดูปลาอยู่ จู่ๆ ก็มีฝรั่งคนหนึ่งยื่นขนมปังให้ถือ ผมก็ถือยื่นออกไปข้างหน้า ปรากฏว่าปลาเป็นร้อยๆ ตัวมารุมตอดขนมปังในมือหมดภายใน 4-5 วินาที แต่เป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ เพราะไม่เคยอยู่ในแวดล้อมปลาเยอะขนาดนี้ โอว... จอร์จ มันเยี่ยมอีกแล้ว
กลับเข้าฝั่งก็เย็นๆ แล้ว แต่ก็ไม่วาย กลัวไปเที่ยวไม่คุ้ม ก็ไปเดินเล่นแถวๆ หาดดูอาทิตย์ตกดินอีก น้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบ ไปเดินเล่นทั้งตัวเหนียวๆ ทะเลนั่นแหละ
ตกดึกของวันที่สองก็เหมือนเดิม ไปนั่งที่ท่าเรือพักใหญ่ อ้อ ที่ต้องนั่งท่าเรือเพราะห้องพักเปิดแอร์ได้ตอนสามทุ่ม ปิดตอนเจ็ดโมงเช้า ก็เลยอยู่นอกห้องดีกว่า อากาศเย็นสบายกว่าเยอะ พอหลังสามทุ่มค่อยกลับเข้าห้องไป แล้วก็เหมือนเดิม น้องอีและพี่อาทิตย์ก็ทำหน้าที่อย่างเคย แต่วันนี้ทำได้แป๊ปเดียว เพราะไปดำน้ำ ตากแดดมาทั้งวัน หมดแรงแล้ว ก็เลยนอนเร็ว
ตื่นเช้ามา วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ต้องไปลงเรือกลับฝั่งตอน 11 โมง เลยไม่ได้ทำอะไรมาก กินข้าวเช้าเสร็จก็เดินชมนกชมไม้ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไปเรื่อย แต่แบตกล้องดันหมดซะก่อน (ลืมชาร์จแบต มัวแต่ชาร์จน้องอีกับพี่อาทิตย์ เหอๆๆ) เลยเดินกลับเข้าห้อง ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยเอา SD Card ออกจากกล้องมาเสียบน้องอี น้องอีมีโปรแกรมดูรูปภาพมาให้เสร็จสรรพ (Photo Manager ใน Xandros Linux) ดีจริงๆ ไม่ต้องมานั่งดูรูปที่หน้าจอของกล้องที่แสนจะเล็กอีกต่อไป (อยากดูก็ดูไม่ได้เพราะแบตหมด) โอ้เอ้ไปจนถึงเวลาลงเรือ นั่งเรือไปก็ใช้บริการพี่อาทิตย์และน้องขมิ้นเหมือนเดิม ดูความเคลื่อนไหวของตัวเองในทะเล ซึ่งกว่าจะถึงฝั่งก็ประมาณเที่ยง เลยนึกว่าจะกินอาหารที่ไหนดี สอบถามน้องขมิ้นว่ามีห้างอะไรให้เข้าไปกินอาหารได้บ้าง ค้นหาทั้ง Lotus และ Makro น้องขมิ้นส่ายหน้าและบอกว่า ทั้งสองที่มันอยู่ทีจังหวัดจันทบุรีโน่นเลย ต้องขับรถไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง คิดแล้วคงหิวแย่ เลยซื้อข้าวเหนียวไก่ย่างกินรองท้องไปก่อน แล้วค่อยไปกินข้าวที่ Lotus จันทบุรีอีกที
ตอนแรกก็คิดว่าคงหาห้าง Lotus ได้ง่ายๆ เนื่องจากขามา เห็นห้าง Makro อยู่ริมถนนเลย แต่เอาเข้าจริง ผมต้องขับวนไปวนมาในตัวเมืองจันทบุรีอยู่พักหนึ่ง จนคนที่มาด้วยทนไม่ได้ (สงสัยหิว) บอกให้ปรึกษาน้องขมิ้นดีกว่า และแน่นอน พี่อาทิตย์และน้องขมิ้นก็ไม่ำให้ผิดหวัง พาผมไปถึงห้าง Lotus ได้อย่างถูกใจ
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ก็ขับรถออกจาก Lotus แต่ถนนที่ขับออกมา ดูเปลี่ยวๆ ยังไงชอบกล ยิ่งขับก็เหมือนยิ่งเข้าป่า เลยต้องถามน้องขมิ้นอีกครั้ง โดยให้พาไปที่ห้าง Makro เพราะห้างนี้อยู่ที่ถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นถนนหลักกลับกรุงเทพฯ ก็เลยออกมาถนนใหญ่ได้สบายๆ อีก
แต่ที่น่าเจ็บใจก็คือ หลังจากใช้งานน้องขมิ้นและพี่อาทิตย์เรื่องห้าง Makro เสร็จ ก็เอาพี่อาทิตย์เก็บใส่กระเป๋าข้างตัวเลย เป็นเหตุให้โดนโปลิศดักจับความเร็ว ต้องซื้อเดนทีนแพ็คนึง แพ็คละ 100 บาท งือๆ รู้นี้ให้น้องขมิ้นคอยสังเกตให้ดีกว่าว่ามีด่านตรงไหนดักอยู่ เสียเงินซื้อเดนทีนแพ็คนี้แพงเหลือเกิน งือๆ
เรื่องยังไม่จบ เนื่องจากรถที่ขับไปเป็นรถที่ไม่เคยขับ ขับวันแรกก็ขับไปตราดเลย ไม่ค่อยชินมือเท่าไร เติมน้ำมันขาไปเต็มถังและก็ไม่ได้สนใจ ขากลับก็ขับไปเรื่อยๆ ระหว่างทางอ. แกลงไปบ้านบึงก็เหลือบไปดูเข็มน้ำมัน แล็วก็ต้องร้องเจี๊ยกทันที มันตกใกล้ขีด E แล้ว เวรกรรมจริงๆ ก่อนหน้านี้ผ่านปั๊มน้ำมันมาตั้งหลายปั๊ม ดันไม่เอะใจ ในใจก็คิดว่า ไฟแดงยังไม่ขึ้น ยังขับไปได้อีกไกล คนนั่งข้างๆ ก็เริ่มหวั่นๆ เนื่องจากไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ผมเองชินกับไฟแดงของเข็มน้ำมันอยู่แล้ว แต่ก็แอบหวั่นใจนิดหน่อย เนื่องจากเป็นรถใหม่ไม่เคยขับ ไม่รู้ใจกันมาก่อน ไม่รู้ว่าหากขึ้นไฟแดงแล้วยังขับต่อไปได้อีกกี่กิโล กว่าจะถึงบ้านบึงก็อีกประมาณ 30 กิโลเมตร คิดยังไม่ทันเสร็จดี ไฟแดงก็โผล่มาให้เห็น ทำไมไฟมันเตือนเร็วนักหว่า เข็มจะลงไม่ถึง E เลย ใจก็อยากขับไปถึงบ้านบึงค่อยเติม แต่คนข้างๆ ไม่เอาด้วย ระหว่างนั้นก็ขับผ่านปั๊มน้ำมัน 3-4 ปั๊ม แต่มันอยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งหมดเลย เลยตัดสินใจใช้บริการพี่อาทิตย์กับน้องขมิ้นอีกที ให้น้องขมิ้นหาปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดมาให้ดู ปรากฎว่าหากตรงไปเรื่อยๆ ต้องไปอีกประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงจะเจอปั๊มแรก เป็นอันว่าตัดสินใจได้ กลับรถไปเติมฝั่งตรงข้าม (ก็ได้ฟะ) เข้าไปปั๊มเชลล์ ดันเจอแต่น้ำมันดีเซล ปั๊มนี้ไม่ขายเบนซินเลยแฮะ ต้องรถต่อไปอีกหน่อย ไปเติมที่ปั๊มปตท.แทน และสุดท้ายก็ขับรถกลับบ้านโดยสวัสดิภาพจนได้
อ้อ ที่จั่วหัวไว้ว่า แบกเป้เที่ยวเกาะหมาก เพราะผมยัดทั้งเสื้อผ้าและน้องอีรวมกันอยู่ในเป้ใบเดียว สะดวกมากๆ ไม่รู้สึกเป็นภาระเหมือนตอนแบกnotebook เลย