อ้างถึง:
ลิงใจดี เขียนว่า:
-_-' มีผมคนเดียวหรือเปล่าที่ออกจะงงๆ
คนต้องการวงเงินบัตรเพิ่ม ก็อยู่ที่เครดิตสเตทเมนท์ตัวเองเป็นหลัก (พิจรณาความสามารถในการชำระคืน)
การทำเรื่องขอ เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ก็มีการ "ทำเรื่องขอใช้เกินวงเงิน" กันเกือบทุกค่ายถ้ากรณีฉุกเฉิน
แล้วคนใช้บัตรเครดิตก็ แค่ค่าธรรมเนียมสิ้นปียังไม่ยากเสีย (บอกว่าจะเลิกใช้เดี๋ยวเค้าก็ง้อไม่คิดตังค์เอง)
ดังนั้น .. การที่ทำเรื่องเพิ่วงเงิน แล้วต้องเพิ่มทั้งการเสียเงิน
และมีความเสี่ยงเรื่องที่จะไม่ได้เนี่ย .. มันดูแปลกๆที่จะทำสำหรับคนถือบัตรเครดิตนะครับ
ของผมมีแต่ใช้ๆไป แล้วเค้าแจ้งว่าเพิ่มวงเงินให้เอง .. ก็มันก็ไม่ได้ทำให้ใช้รูดมากขึ้นได้อยู่ดี
ก็เลย .. คิดว่าวิธีดังกล่าวค่อนข้างแปลกๆนะครับ -_-'
วิธีนี้ไม่แปลกครับ เพราะคนที่ทำต้องการนำเป็นเงินสดออกมาใช้ แต่ต้องการดอกที่จ่ายเป็นในแบบรูดซื้อสินค้า (กรณีหากใช้บัตรเงินผ่อนเช่น อิออน easy buy first choice จะยิ่งเห็นเป็นรูปธรรมขึ้นครับ)
คนที่ใข้วิธีนี้ เพราะตนเองนั้นจนตรอกกับภาระด้านการเงินที่จ่ายไม่ไหวครับ จึงจำเป็นต้องหาเงินสดออกมาเพื่อไปโปะหนี้เดิมให้ได้ คราวนี้จะใช้บัตรผ่อนสินค้าเอาเป็นเงินสดออกมาได้ยังไง ในเมื่อมันต้องใช้ซื้อของ ก็เลยมีกลุ่มหัวใสตามที่เจ้าของกระทู้เล่ามาครับ เอาบุคคลที่เดือดร้อนกลุ่มนี้ พาไปซื้อสินค้า (เพื่อหลอกบริษัทที่ออกบัตรให้ "เช่าซื้อ") โดยมีการทำรายการสินค้าจริง และมีการซื้อสินค้าจริง แต่ผู้ซื้อไม่ได้สินค้า แต่จะได้เป็นเงินสดไปแทน โดยหักค่าต่างๆ ตามที่เจ้าของกระทู้บอก
ด้วยวิธีนี้ คนที่ซื้อของต่อจะได้ของมือหนึ่งแน่นอน (เพราะผู้ซื้อตัวจริงมิได้ต้องการสินค้าแต่ต้องการเงินสด) ผู้ขายก็มีความสุข ร้านที่ดำเนินการด้านนี้ให้กับผู้ถือบัตร ก็มีความสุข แต่คนที่ต้องยิ่งจมปลักกับกองทุกข์กองหนี้มากกว่าเดิมคือผู้ที่ยินยอมเข้ารับการบริการ "ขูดรีด" นี้ เพราะเขาไม่มีทางเลือกครับ
ถามว่าทำไมเขาไม่ขอกู้ตามปรกติ ก็เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เครดิต "ร่อยเหลือ" แทบไม่เหลือ และยังมีหนี้ค้างชำระอยู่อีกมาก มากซะจนเขารู้ว่าหากยื่นขอกู้ ยังไงๆ ก็ไม่มีวันได้รับอนุมัติครับ
จริงอยู่ การหักค่า "ดำเนินการ" ที่สูงลิ่ว จะไม่ได้ผิดอะไร แต่ถ้าถามว่ายุติธรรมต่อคนที่เดือดร้อนเรื่องเงินแสนสาหัสและจนตรอก ผมคิดว่าไม่นะ
ถ้าถามว่าร้านที่เปิดบริการนี้ เขาก็ต้องเสี่ยงในการ "แบกค่าสินค้า" ไว้ ผมก็ยอมรับว่าจริง แต่มีหรือครับที่สินค้าราคาถูกจนผิดปรกติเช่นนี้ "จะขายไม่ออก"