สวัสดีค่ะ
วันนี้เราก็ต่อกันที่อักษรรูปแบบที่ 3 กันนะคะ อะ...อย่าเพิ่งถอดใจกันไปนะ
รูปแบบที่ 3 อักษรคันจิ KANJI
"อักษรคันจิ" เนี่ยนะ ไม่มีตารางให้ดูหรอกค่ะ เพราะมันเยอะมากกกกกกกกกกกกกก
ไม่สามารถนำมาให้ดูได้หมด เวลาเรียนถึงอักษรคันจิเนี่ย นักเรียนก็จะละเหี่ยใจกันมาก เพราะมันเขียนยากเขียนเย็น เส้นสายลายเส้นก็ยุ่บยั่บไปหมด อักษรคันจินั้นสามารถออกเสียงได้หลายเสียงและหนึ่งตัว สามารถมีได้มากกว่าหนึงความหมายค่ะ.. ต่างจากตัวฮิรางานะกับคาตาคานะที่เขียนง่ายๆและมีเพียงไม่กี่ขีด ตัวคันจิของญี่ปุ่นั้นได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนเช่นเดียวกันกับเกาหลีแหละค่ะ..เนื่องมาจากทั้งสองประเทศเคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศจีน..
ประวัติอักษรคันจิอักษรคันจิได้ถูกนำมาใช้ใน ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ประมาณ คริสตศตวรรษที่ 3 หรือประมาณ สมัยราชวงศ์ฮั่นของจีน นั่นเป็นเหตุให้อักษรคันจิมีความหมายว่า "อักษรของชาวฮั่น" (ถึงแม้ว่าโดยข้อเท็จจริงแล้ว อักษรคันจิถูกประดิษฐ์ขึ้นก่อนยุคราชวงศ์ฮั่นก็ตาม) ในยุคนั้น ญี่ปุ่นยังไม่ปรากฎภาษาเขียน มีแต่เพียงภาษาพูดเท่านั้น การนำอักษรคันจิมาใช้จึงทำให้ญี่ปุ่นสามารถพัฒนาภาษาเขียนขึ้นได้ นอกจากนั้นยังทำให้ภาษาญี่ปุ่นมีความหลากหลายมากขึ้น เปรียบเทียบได้กับที่ ภาษาอังกฤษยืมภาษาลาตินมาใช้ หรือ ภาษาไทย ยืมภาษาสันกฤตมาใช้ไงล่ะคะ
จำนวนอักษรคันจิ
เมื่อปี 1972 สมาคมมาตรฐานอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น (Japan Industrial Standard) ได้ประมวลอักษรคันจิที่ควรรู้ไว้กว่า 6,000 ตัว ซึ่งถือเป็นความรู้ระดับสูง ส่วนคันจิที่ใช้ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆนั้น นับได้ประมาณ 3,000 ตัว ต่อมา ในปี 1982 กระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่น ได้กำหนดชุดของอักษรคันจิที่เรียกว่า อักษรคันจิที่ใช้ประจำ (Permanent Use Kanji "โจโยคันจิ")?ไว้มีจำนวน 1,954?ตัวค่ะ
โห...สรุปว่า เค้ามีอักษรคันจิกันถึง 1,954?ตัวเชียวนะ ป้าเอมเองก็ยังจำได้ไม่หมดหรอกค่ะ ตัวที่ไม่ค่อยได้ใช้มันก็ไม่เข้าไปในหัวซักที ถ้าอยากเก่งคันจินะคะ ก็แนะนำให้ไปอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นค่ะ แต่ป้าเอมเนี่ย ได้ตัวจีนมาจากการเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็เลยอ่านหนังสือพิมพ์จีนพอรู้เรื่องนะ แบบว่า พอเดาๆได้ว่าเค้าเขียนเรื่องอะไร เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย 555
อักษรคันจิเนี่ย เค้าก็เขียนด้วยตัวจีนใช่มะ ส่วนเสียงอ่านก็จะออกเสียงด้วยเสียงของ ตัวฮิรางานะกับคาตาคานะ ค่ะ
ป้าเอมก็ไม่ทราบว่าทำไมต้องใช้ตัวคันจิให้วุ่นวาย แต่พอเรียนๆไปเริ่มชิน ประโยคไหนที่เขียนด้วย ฮิรางานะกับคาตาคานะ ล้วนๆ ป้าเอมจะอ่านไม่ค่อยถนัดนะ ต้องมี ตัวคันจิ ด้วย ถึงจะเข้าใจ เพราะมีคำพ้องเสียงมากมาย ต้องแบ่งแยกคำด้วยตัวอักษรคันจินี่แล่ะ ยกตัวอย่างให้ดูนะคะ...
อ่านว่า "ฮา-นะ" แปลว่า "ดอกไม้"
อ่านว่า "ฮา-นะ" แปลว่า "จมูก"
วันนี้ บทเรียนค่อนข้างเครียดไปหน่อย แต่มีสาระนะคะ สำหรับผู้ที่สนใจ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างค่ะ
ฮาทุกวัน เดี๋ยวนักเรียนจะคิดว่าเซ็นเซย์"ติงต๊อง" 555