มือวาง
เป็นสมาชิกเมื่อ: 15/5/2007 16:45
กลุ่ม:
สมาชิก
|
ปริศนาที่อยากให้ช่วยกัน เฉลยหน่อย "ทำไมนกกระยางจึงยืนขาเดียวเวลาหลับ"
ขอบอกว่านี่เป็น ปริศนาประลองเชาว์ ไม่เกี่ยวกับความรู้รอบตัว
ถ้าผ่านไป 5 นาทีแล้วคุณ ยังคิดไม่ออก (หรือยังตอบได้ไม่ถูกใจทั้งคนถามและคนฟัง) นั่นเพราะคุณ มัวแต่จะถามตัวเองใช่ไหมว่า... ทำไมมันยืนขาเดียว ทำไมมันไม่ยืนสอง ขา
ลองเปลี่ยนมาถามตัวเองใหม่สิว่า.. ทำไมมันหดขาเดียว ทำไมมันไม่ หดสองขา
เท่านี้แหละ คำตอบก็ออกมาทันทีว่า "ถ้ามันหดทั้งสองขา มัน ก็ล้มน่ะสิ"
ปริศนาข้อนี้ตอบได้ง่าย หากเราเปลี่ยนมุมมอง หรือตั้ง คำถามเสียใหม่ นกกระยางยืนขาเดียว กับนกกระยางหดขาเดียว ที่จริงก็คือสิ่ง เดียวกัน แต่เป็นภาพอันเกิดจากมุมมองที่ต่างกัน และสามารถชักนำความคิด ของเราไปคนละทิศละทางได้
การเปลี่ยนคำถามหรือมุมมอง ไม่ได้มี ประโยชน์เพียงแค่ช่วยให้เรารอดพ้นจากอาการหน้าแตก เวลาถูกจู่โจมด้วยปริศนา แบบนี้ (ซึ่งบางคนเรียกอย่างเจ็บแค้นว่า ปริศนาปัญญาอ่อน) ที่จริงมันมี ประโยชน์มากกว่านั้น เชื่อหรือไม่ว่า มันอาจจะมีผลถึงกับเปลี่ยนวิถีชีวิต ของคุณได้
คงมีหลายครั้งที่คุณรู้สึกเศร้าสร้อยน้อยใจ เฝ้าบ่นในใจ ว่า "ทำไมเขาไม่เข้าใจเราเลย" ไม่ว่าเขา (หรือเธอ) คนนั้นเป็นเพื่อนหรือคู่ รักของคุณก็ตาม การตอกย้ำกับตัวเองด้วยความคิดอย่างนี้ บางทีก็ไม่ได้ ช่วยอะไรเลย นอกจากตัวเองจะทุกข์แล้ว ยังอาจหมางเมินเขามากขึ้น ซึ่งทำให้ ความสัมพันธ์แย่ลงไปอีก
ลองเปลี่ยนมุมมองหรือตั้งคำถามใหม่สิว่า " แล้วเราล่ะ เข้าใจเขาบ้างหรือเปล่า" การถามแบบนี้อาจช่วยให้เราพบสาเหตุที่ แท้จริงของปัญหาก็ได้ เพราะอันที่จริง เราเองก็คงไม่ได้เข้าใจเหมือน กัน
สัมพันธภาพของผู้คนมักมีปัญหาก็เพราะทุกคนคิดแต่จะเรียกร้องให้คน อื่นเข้าใจตนเอง
แต่ไม่พยายามหรือแม้กระทั่งคิดที่จะเข้าใจคนอื่น ถึงตรงนี้ คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า "ทำไมเขาไม่เข้าใจเรา" แต่อยู่ที่ "ทำไม เราถึงไม่เข้าใจเขา" และ"ทำอย่างไร เราถึงจะเข้าใจเขาได้"
ในทำนอง เดียวกัน สำหรับคนที่ชอบบ่นในใจว่า "ทำไมฉันถึงซวยอย่างนี้" หากเปลี่ยนมา ถามตัวเองว่า "ทำไมฉันชอบบ่นอย่างนี้" เขาอาจได้คิดและลุกขึ้นมาสู้ใหม่ ไม่ ทดท้อหรืองอมืองอเท้าเหมือนเก่า
การรู้จักตั้งคำถามเป็นศิลปะสำคัญอย่าง หนึ่งของชีวิต ทุกวันนี้เราถูกสอนให้สนใจคำตอบ จนลืมว่าคำถามนั้นสำคัญกว่า คำตอบมาก คำถามนั้นเป็นตัวกำหนดคำตอบ พูดอีกอย่างก็คือ คำถามเป็นตัว กำหนดความคิดและการกระทำของเรา ถ้าตั้งคำถามผิดา ก็พาความคิดของเราเข้ารก เข้าพง ซ้ำอาจพาชีวิตหลงทางไปด้วย
เด็ก (และผู้ใหญ่) หลายคน ชอบถาม ในใจเวลามีงานมากองอยู่ข้างหน้าว่า "ฉันจะทำได้หรือ" คำถามอย่างนี้ชวนให้ ท้อ แต่ความรู้สึกของเขาจะเปลี่ยนไป หากเขาถามตัวเองใหม่ว่า "ทำไมฉันจะทำ ไม่ได้"
อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งอุปสรรคไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าทำได้หรือไม่ ได้ หากอยู่ที่แรงจูงใจ
มีคำถามหนึ่งซึ่งคุณหมอประเวศ วะสี บอก ว่า เป็นคำถามที่น่าเกลียดที่สุด แต่เป็นคำถามที่กำลังระบาดไปทั่วสังคม ไทย นั่นก็คือ คำถามว่า "ทำแล้วฉันจะได้อะไร" คำถามอย่างนี้ทำให้คนเห็น แก่ตัวมากขึ้น ทำให้จิตใจแคบลง และหาความสุขได้ยาก
จะไม่ดีกว่า หรือ หากเราถามใหม่ว่า "ทำแล้วส่วนรวม (หรือสังคม) จะได้อะไร" การคำนึง ถึงส่วนรวมโดยเริ่มต้นจากคำถามแบบนี้ จะช่วยให้สังคมไทยน่าอยู่มากขึ้น และคนที่เสียสละเพื่อส่วนรวมก็จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำถามของญาติมิตรว่า "ทำ แล้วเธอได้อะไร" หรือถูกตั้งข้อสงสัยว่า "ได้ไปเท่าไหร่"
การถามว่า ใคร กับ ทำไม ก็ให้ผลที่แตกต่างกันมาก เวลาเกิดเหตุร้ายขึ้นมา คนส่วนใหญ่ มักสนใจว่า ใครทำ แต่ไม่ค่อยถามว่า ทำไมเขาจึงทำ คำถามแรกนั้นเพียงแต่ สนองความอยากรู้อยากเห็น แต่คำถามหลังช่วยให้เห็นสาเหตุของปัญหา และอาจ นำมาเป็นบทเรียนแก่ตนเองได้
คุณโสภณ สุภาพงษ์ เล่าว่า ตอนที่ไปบริหาร โรงกลั่นน้ำมันบางจากใหม่ๆ โรงกลั่นอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก อุบัติเหตุเกิด ขึ้นประจำ ขาดทุนมหาศาล ขณะที่ขวัญของพนักงานก็ไม่ดี เพราะมีปัญหาสืบเนื่อง จากเจ้าของเดิม คุณโสภณเล่าว่า เวลาเกิดอุบัติเหตุในโรงกลั่น จะไม่ถาม พนักงานว่า "ใครทำ" แต่จะถามว่า "ทำไมถึงเกิดขึ้น"
วิธีการดังกล่าวมีผล คือ ทำให้พนักงานช่วยกันหาสาเหตุและวิธีป้องกันแก้ไข แทนที่จะซัดทอด หรือกล่าวโทษกัน ซึ่งมีแต่จะทำให้แตกความสามัคคีกันมากขึ้น ในเวลาไม่ นานโรงกลั่นก็แทบไม่มีอุบัติเหตุเลย กำไรก็เพิ่มมากขึ้น จนมีสถานะมั่น คง ส่วนพนักงานก็ทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่าง ไรก็ตาม คงไม่มีคำถามใดสำคัญเท่ากับคำถามเกี่ยวกับชีวิตจิตใจของเราเอง ถ้าเราเริ่มรู้สึกเหนื่อยอ่อนกับการถามตัวเองไม่รู้จบว่า "เมื่อไหร่ฉันถึง จะรวยเสียที" ลองเปลี่ยนมาเป็นคำถามว่า "เมื่อไหร่ฉันถึงจะพอใจกับความรวย ของฉันเสียที" ลองเหลียวดูรอบตัวเถิด ตอนนี้คุณอาจร่ำรวยอยู่แล้วก็ได้ แต่ยังไม่พอใจเสียที เพราะเอาแต่ชะเง้อมองคนอื่นที่รวยกว่า
แต่ถึงแม้ คุณจะยังไม่รวย พยายามบ่มเพาะความพอใจในสิ่งที่ตนมี แล้วคุณจะพบกับความรวย ชนิดที่ไม่มีใครมาแย่งชิงได้ แม้จะอิจฉาตาร้อนจนลุกเป็นไฟก็ ตาม
โพสเมื่อ : 25/8/2008 9:20
|