เข้าระบบ

ชื่อเรียก:

รหัสผ่าน:

จำฉัน



ลืมรหัสผ่าน?

สมัครสมาชิก!

เมนู

   ทุกโพส (aemchan)


« 1 ... 15 16 17 (18) 19 20 »


Re: เพื่อ"สุขภาพที่ดี"ของทุกคนค่ะ...
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404
อยากท้าทายให้ลุงๆ เอ๊ย เพื่อน ลองทำข้อ 8 ดูนะ
เหมาะมากๆสำหรับผู้ที่ติดคอมฯค่ะ

ช่วงแรกๆอาจจะเดี้ยงนะคะ แต่ค่อยๆทำไป จะดีมากเลย

เส้นสายจะยืด ไม่ปวดขา ปวดหลัง ด้วยนะ

เอ้า...อึ๊บๆๆๆ

โพสเมื่อ : 11/6/2007 18:11
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


CHOTTO MATTE NE - รอเดี๋ยวนะ
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404




สวัสดีค่ะ

เป็นไงกันบ้างคะ ได้ทำความรู้จักกับตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นกันไปแล้ว คงจะเข้าใจกันมากขึ้นนะคะ อย่างน้อยเวลาไปเห็นป้ายภาษาญี่ปุ่น ก็อาจจะพอเดาๆอ่านๆได้ว่า เค้าเขียนอะไร ความหมายไม่รู้ แต่อ่านได้ก็เจ๋งแล้วล่ะค่ะ 555

วันนี้ ป้าเอมจะมาเสนอคำศัพท์ใหม่ แต่น่าจะคุ้นหูคนที่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นกันบ้างนะ มาดูกันเลย...

จำลองสถานการณ์...
ระหว่างการออกเดทของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง พลันสาวเจ้าก็ออดอ้อนขึ้นมาว่า...

น้องก้านกล้วย: พี่พลายเผือกคะ น้องก้านกล้วยอยากทานไอศครีมรสบานาน่า สปรี๊ต ค่ะ

พาไปทานหน่อยนะคะ--(ทำตาหวาน)

พี่พลายเผือก: สำหรับน้องก้านกล้วย ยกเว้นเดือนและดาว พี่พลายทูนเกล้าฯถวายได้หมดแล่ะจ้ะ

"โจ๊ต-โตะ-มัต-เตะ เนะ" พี่พลายจะควบไปซื้อมาให้จ้ะ


ใช่แล้วค่ะ ศัพท์วันนี้คือ "โจ๊ต-โตะ-มัต-เตะ (เนะ)"

CHOT-TO MAT-TE (ne)


คำว่า "โจ๊ต-โตะ-มัต-เตะ (เนะ)" ก็แปลได้ว่า "รอเดี๋ยว(นะ)" ป้าเอมวงเล็บ "เนะ" ไว้ เพราะบางทีก็ไม่จำเป็นต้องใส่นะ อย่างพวกผู้ชายพูด ก็ใช้ "เนะ" ได้เวลาพูดกับเด็กๆ หรือเวลาพูดแบบใจดี หรือออกอารมณ์อ้อนๆ กับสาว แต่อาจจะไม่ใช้พร่ำเพรื่อเท่าสาวๆ
คำนี้ เป็นคำที่มาจากศัพท์ 2 คำ ค่ะ คือ "โจ๊ต-โตะ" ซึ่งแปลว่า "นิดหน่อย" กับ "มัต-เตะ" ซึ่งเป็นกรียาที่แปลว่า "รอ" แต่เปลี่ยนรูปเป็นรูปคำสั่งแล้ว พอมารวมกัน ก็ได้ความว่า "รอหน่อย" หรือ แปลแบบชาวบ้านๆว่า "รอแป๊ปนึง" ไงล่ะคะ

ไหนลองมาออกเสียงกันดูนะคะ นึง ส่อง ซ่ำ...

"โจ๊ต-โตะ-มัต-เตะ เนะ"

เก่งมากๆเลยค่ะ

อันที่จริง วิธีการพูดในรูปแบบนี้ ก็จะพูดกับคนที่รู้จัก เพื่อนๆ หรือคนที่ค่อนข้างสนิทค่ะ ถ้าเป็นคนที่ไม่สนิทกัน หรือพูดกับผู้ที่อาวุโสกว่า ก็จะต้องพูดให้เต็มประโยครูปสุภาพ โดยการเติมคำว่า "กุ-ดะ-ไซ" ที่แปลว่า "กรุณา" เข้าไปค่ะ กลายเป็น...

"โจ๊ต-โตะ-มัต-เตะ กุ-ดะ-ไซ" แปลว่า "กรุณารอสักครู่"
CHOT-TO MAT-TE KU-DA-SAI

เพราะฉะนั้น พวกเราก็ต้องเลือกใช้ให้ถูกกาละเทศะด้วยนะคะ จริงๆยังมีรูปแบบการพูดที่สุภาพกว่านี้อีก แต่เดี๋ยวจะงงกันไปซะก่อน เบรคไว้แค่นี้ดีกว่านะ

เอ้า มาทบทวนกันอีกรอบ นึง ส่อง ซ่ำ...

"โจ๊ต-โตะ-มัต-เตะ เนะ"

ดีมากค่ะ

อย่างที่เคยบอกกันไปแล้วว่า คนญี่ปุ่นเป็นโรคลูกอีช่างย่อ คำนี้ก็ย่อกันได้อีก แค่เพียงพูดว่า "โจ๊ต-โตะ" ก็ได้ความกันแล้วว่า "เดี๋ยวก่อน" หรือ "แป๊ปนึง" สะดวกดีนะคะ แต่จะว่าไป คนไทยเราก็พูดอย่างนี้เหมือนกันเนอะ เช่น เวลามีใครมาเร่งให้เราทำอะไร เราก็บอกว่า "โจ๊ต-โตะๆ" เท่าที่สังเกต เค้ามักจะพูดกัน 2 ครั้งนะ ไม่ได้ตายตัว แต่ได้ยินบ่อยค่ะ อาจจะเป็นการเน้นย้ำก็ได้นะ คำว่า "โจ๊ต-โตะ" เนี่ย ก็แปลได้อีกอย่างว่า "นิดหน่อย" ในกรณีที่แสดงปริมาณค่ะ อย่างเช่น คนจะรินเบียร์ใส่แก้วให้เรา เราก็บอกว่า "โจ๊ต-โตะ" ก็จะหมายความว่า "นิดหน่อยก็พอ" เป็นต้นค่ะ

วันนี้ คำไม่ยาก ง่ายๆและน่าจะนำไปใช้ได้ค่ะ
อย่าลิมนะคะ อยากเก่งภาษา ต้องหมั่นทบทวนคำที่เรียนมา และพยายามหาโอกาสใช้ค่ะ


โพสเมื่อ : 11/6/2007 8:36
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


Re: KATAKANA
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404
อ้างถึง:
kiat เขียนว่า: sensei ให้การบ้่านยังไม่ยาก แต่คู่แข่งความสวยของ sensei นี่สิ ให้การบ้านยากจริงๆ แถมชื่อผมสะกดยากอะ น่าจะเป็น so mu kyo to ได้ไหมครับ




มาเฉลยให้ค่ะ ถือว่าคุณเกียรติเนีย เป็นนักเรียนที่มีพัฒนาการมากเลยนะคะ ไม่เสียแรงที่แวะเข้ามาเรียนทุกวัน อานิสงค์ของความขยันมันก็ส่งผลให้เห็นกันจะๆเลย 555

อะ...ชื่อทีลองเขียนมา พลาดไปนิดส์เดียว ที่ถูกต้องคือ so mu kya to ค่ะ

โพสเมื่อ : 10/6/2007 21:14
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


KANJI - อักษรญี่ปุ่น"คันจิ"
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404



สวัสดีค่ะ

วันนี้เราก็ต่อกันที่อักษรรูปแบบที่ 3 กันนะคะ อะ...อย่าเพิ่งถอดใจกันไปนะ

รูปแบบที่ 3 อักษรคันจิ KANJI

"อักษรคันจิ" เนี่ยนะ ไม่มีตารางให้ดูหรอกค่ะ เพราะมันเยอะมากกกกกกกกกกกกกก
ไม่สามารถนำมาให้ดูได้หมด เวลาเรียนถึงอักษรคันจิเนี่ย นักเรียนก็จะละเหี่ยใจกันมาก เพราะมันเขียนยากเขียนเย็น เส้นสายลายเส้นก็ยุ่บยั่บไปหมด อักษรคันจินั้นสามารถออกเสียงได้หลายเสียงและหนึ่งตัว สามารถมีได้มากกว่าหนึงความหมายค่ะ.. ต่างจากตัวฮิรางานะกับคาตาคานะที่เขียนง่ายๆและมีเพียงไม่กี่ขีด ตัวคันจิของญี่ปุ่นั้นได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีนเช่นเดียวกันกับเกาหลีแหละค่ะ..เนื่องมาจากทั้งสองประเทศเคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศจีน..

ประวัติอักษรคันจิอักษรคันจิได้ถูกนำมาใช้ใน ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ประมาณ คริสตศตวรรษที่ 3 หรือประมาณ สมัยราชวงศ์ฮั่นของจีน นั่นเป็นเหตุให้อักษรคันจิมีความหมายว่า "อักษรของชาวฮั่น" (ถึงแม้ว่าโดยข้อเท็จจริงแล้ว อักษรคันจิถูกประดิษฐ์ขึ้นก่อนยุคราชวงศ์ฮั่นก็ตาม) ในยุคนั้น ญี่ปุ่นยังไม่ปรากฎภาษาเขียน มีแต่เพียงภาษาพูดเท่านั้น การนำอักษรคันจิมาใช้จึงทำให้ญี่ปุ่นสามารถพัฒนาภาษาเขียนขึ้นได้ นอกจากนั้นยังทำให้ภาษาญี่ปุ่นมีความหลากหลายมากขึ้น เปรียบเทียบได้กับที่ ภาษาอังกฤษยืมภาษาลาตินมาใช้ หรือ ภาษาไทย ยืมภาษาสันกฤตมาใช้ไงล่ะคะ

จำนวนอักษรคันจิ
เมื่อปี 1972 สมาคมมาตรฐานอุตสาหกรรมแห่งญี่ปุ่น (Japan Industrial Standard) ได้ประมวลอักษรคันจิที่ควรรู้ไว้กว่า 6,000 ตัว ซึ่งถือเป็นความรู้ระดับสูง ส่วนคันจิที่ใช้ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆนั้น นับได้ประมาณ 3,000 ตัว ต่อมา ในปี 1982 กระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่น ได้กำหนดชุดของอักษรคันจิที่เรียกว่า อักษรคันจิที่ใช้ประจำ (Permanent Use Kanji "โจโยคันจิ")?ไว้มีจำนวน 1,954?ตัวค่ะ

โห...สรุปว่า เค้ามีอักษรคันจิกันถึง 1,954?ตัวเชียวนะ ป้าเอมเองก็ยังจำได้ไม่หมดหรอกค่ะ ตัวที่ไม่ค่อยได้ใช้มันก็ไม่เข้าไปในหัวซักที ถ้าอยากเก่งคันจินะคะ ก็แนะนำให้ไปอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาญี่ปุ่นค่ะ แต่ป้าเอมเนี่ย ได้ตัวจีนมาจากการเรียนภาษาญี่ปุ่น ก็เลยอ่านหนังสือพิมพ์จีนพอรู้เรื่องนะ แบบว่า พอเดาๆได้ว่าเค้าเขียนเรื่องอะไร เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย 555

อักษรคันจิเนี่ย เค้าก็เขียนด้วยตัวจีนใช่มะ ส่วนเสียงอ่านก็จะออกเสียงด้วยเสียงของ ตัวฮิรางานะกับคาตาคานะ ค่ะ

ป้าเอมก็ไม่ทราบว่าทำไมต้องใช้ตัวคันจิให้วุ่นวาย แต่พอเรียนๆไปเริ่มชิน ประโยคไหนที่เขียนด้วย ฮิรางานะกับคาตาคานะ ล้วนๆ ป้าเอมจะอ่านไม่ค่อยถนัดนะ ต้องมี ตัวคันจิ ด้วย ถึงจะเข้าใจ เพราะมีคำพ้องเสียงมากมาย ต้องแบ่งแยกคำด้วยตัวอักษรคันจินี่แล่ะ ยกตัวอย่างให้ดูนะคะ...



อ่านว่า "ฮา-นะ" แปลว่า "ดอกไม้"




อ่านว่า "ฮา-นะ" แปลว่า "จมูก"


วันนี้ บทเรียนค่อนข้างเครียดไปหน่อย แต่มีสาระนะคะ สำหรับผู้ที่สนใจ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างค่ะ

ฮาทุกวัน เดี๋ยวนักเรียนจะคิดว่าเซ็นเซย์"ติงต๊อง" 555


โพสเมื่อ : 10/6/2007 8:44
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


Re: KATAKANA
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404
อ้างถึง:

Ornchan เขียนว่า:

Supatra












(ถูกป่าวหว่า?)



ป้าอร ให้โอกาสแก้ตัวใหม่

โพสเมื่อ : 9/6/2007 22:24
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


เพื่อ"สุขภาพที่ดี"ของทุกคนค่ะ...
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404



โพสเมื่อ : 9/6/2007 13:33
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


Re: HIRAGANA
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404


เฉลยการบ้านของเมื่อวานนี้ค่ะ

แต่น...แตน...แต๊นนนนน

1. อ่านว่า Watashi no Kuruma?

2. ต้องทักทายคำว่า Ohayo Gozaimas



อ้างถึง:
kiat เขียนว่า: ปั่นบทความเสร็จไปหนึ่งเรื่อง เหนื่อยเล็กๆ เลยแวะมากระทู้นี้ีดีกว่า น่าจะสบายอารมณ์ งั้นทำการบ้านเลยละกัน ทิ้งไว้นาน เดี๋ยวการบ้านโดนน้ำ มันจะงอกขึ้นมาเยอะขึ้น 1. อ่านว่า Watashi no Kuruma เดาว่า ตัว Kuruma ของฉัน (ยังไม่ลืมซะทีเดียว อิอิ) 2. Ohayo Gozaimas ครับ







ขอปรบมือดังๆให้ นักเรียนชาย "เกียรติ" ค่ะ

ส่วนนักเรียน "pdamai" ก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะตัวที่พลาดไปคือ わ(วะ) ซึ่งมักจะจำสลับกับ ね(เนะ) อยู่เสมอค่ะ

อันนี้ต้องหมั่นท่องจำนะคะ มีสามตัวที่ต้องระวังสับสน わ(วะ), ね(เนะ) และ ぬ(นุ) ตั้งสมาธิให้ดีอย่า"งง" นะคะ


รางวัลไม่มี แต่มอบรอยยิ้มหวานๆของเซ็นเซย์นะคะ (รูปหญ่ายยยมากค่ะ ก๊ากๆ)


โพสเมื่อ : 9/6/2007 13:03
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


KATAKANA - อักษรญี่ปุ่น"คาตาคานะ"
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404




สวัสดีค่ะ

เมื่อวาน ป้าเอมได้แนะนำตัวอักษรฮิรางานะกันไปแล้ว วันนี้ก็ถึงคราว ตัวอักษรรูปแบบที่ 2 ในภาษาญี่ปุ่นกันนะคะ

รูปแบบที่ 2 คาตาคานะ Katakana

จำนวนตัว อักษรคาตาคานะ มีเหมือนกับ ฮิรางานะ เปี๊ยบเลยค่ะ เพียงแต่หน้าตามันเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง บางตัวมันก็คล้ายๆกัน ออกจะงงๆกันบ้างนะ มาดูกันเลยดีกว่า...
พยัญชนะหลัก 46 ตัว

อักษรเพิ่มเติมอีก 25 ตัว

อักษรผสม 33 ตัว

เอาล่ะ หน้ามืดกันไปรึยังน้อ นักเรียน...555 ดูแล้วตาลายดีมั้ยล่ะ  จะว่าไปก็เห็นใจฝรั่ง/ต่างชาติที่เค้ามาดูพยัญชนะไทยเหมือนกันแล่ะ มีตั้ง 44 ตัว แถมมีสระ วรรณยุกต์ห้อยอยู่ข้างบนข้างล่างอีก เรียกได้ว่า "ระดับความงงงวย" สูสีกันค่ะ

ถามว่า ทำไมมี"ฮิรางานะ"แล้ว ยังต้องมี"คาตาคานะ"อีก ก็ต้องอธิบายกันนะคะว่า คาตาคานะ เนี่ยคนญี่ปุ่นเค้าไม่ได้ใช้กันเป็นหลัก แต่ส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ พวกชื่อชาวต่างชาติ แล้วภาษาญี่ปุ่นก็มี "คำทับศัพท์" เหมือนกันนะ คำเหล่านี้ เค้าก็จะสะกดด้วยตัวคาตาคานะหมดเลยค่ะ หรือในบางกรณี เค้าก็จะใช้ในการเน้นคำบางคำค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น ชื่อประเทศต่างๆ เขียนแบบนี้ค่ะ...

"ประเทศไทย"
"อเมริกา"  "ฮาวาย"

วันนี้ เราก็ได้ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นอีกแบบแล้วนะคะ ใครขยันก็ลองสะกดชื่อตัวเองดูก็ได้นะคะ แต่เสียงสระมันจะไม่ค่อยครบ
สำเนียงเลยจะเพี้ยนๆไปค่ะ ป้าเอมใจดีแถมชื่อเว็บให้นะคะ...





โพสเมื่อ : 9/6/2007 12:50
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


Re: HIRAGANA---อักษรญี่ปุ่น"ฮิรางานะ"
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404
เดี๋ยวจะมาเฉลยพรุ่งนี้นะ

อย่าลืมแวะเข้ามาดูว่า นักเรียนทำการบ้านถูกกันรึป่าว


โพสเมื่อ : 8/6/2007 17:13
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


Re: ไอเดียเก๋ๆ น่ารักมาก
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404







อันนี้ ร้องว่า "เจ็บ เจ็บ เจ็บ" น่าฉงฉานมั่กๆ ฮือๆๆๆ

โพสเมื่อ : 8/6/2007 8:08
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


HIRAGANA - อักษรญี่ปุ่น"ฮิรางานะ"
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404




สวัสดีค่ะ

มะวานสัญญาไว้ว่าจะมาแนะนำตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่นกันใช่มั้ยคะ ก็่ขอเข้าเรื่องเลยละกัน

ในภาษาญี่ปุ่นเนี่ย มีการใช้ตัวพยัญชนะในการเขียนถึง 3 รูปแบบค่ะ วันนี้เรามาเรียนเฉพาะแบบที่ 1 กันก่อน

รูปแบบที่ 1 อักษรฮิรางานะ Hiragana
เป็นตัวอักษรสำหรับใช้ในการเขียนทั่วๆไปร่วมกับตัวคันจิ มีพยัญชนะหลักอยู่ทั้งหมด 46 ตัว ดังนี้ค่ะ





นอกจากนี้ยังทีอักษรอีก 25 ตัวที่ใส่เครื่องหมาย  กับ
แล้วทำให้เสียงเปลี่ยนไปค่ะ

สังเกตว่าจะใช้ได้กับอักษรไม่กี่ตัวนะคะ จำง่ายๆ ว่า


ใช้กับแถว คะ/สะ(เสียงs)/ทะ/ฮะ เสียงจะกลายเป็น ง/ส(เสียงz)/ด/บ ตามลำดับค่ะ

ใช้กับแถว ฮะ เสียงจะกลายเป็น ค่ะ



เริ่มตาลายรึยังน้าาา ยังมีอีกนิดค่ะ เป็นอักษรผสม 33 ตัว คล้ายๆตัวอักษรควบกล้ำของไทยเราน่ะค่ะ
อันนี้ก็เหมือนกัน ผสมกับเสียงแค่ 7 ตัวอักษรเท่านั้นค่ะ คือ คิ/ชิ/จิ/นิ/ฮิ/มิ/ริ

เป็นไงคะ เจออักษรแบบแรกแบบเดียว นักเรียนจะเริ่มถอดใจรึยังเนี่ย... สมัยป้าเอมเรียนที่จุฬาฯนะ เอกญี่ปุ่นปีแรกก็ฮิตกันลงเพียบ พอขึ้นปี 2 เท่านั้นแล่ะ หายไปเกินครึ่ง 555

เพราะฉะนั้น ก่อนจะเริ่มเรียนเขียนและอ่านภาษาญี่ปุ่นได้ เราก็ต้องมานั่งท่องอักษรเหล่านี้ให้หมดค่ะ ก็เหมือนกับชาวต่างชาติเค้ามาเรียนภาษาไทยน่ะแล่ะ ต้องท่อง ก-ฮ ให้ได้ใช่มะ ซึ่งป้าเอมขอสารภาพว่า...ท่องไม่ได้อ่ะ สมัยเรียนจำได้ว่า เกือบตกวิชาห้องสมุดเพราะตอบคำถามที่ต้องเรียงดัชนีตามตัวอักษร ก-ฮ ไม่ได้ น่าเกลียดมาเลย

อ่ะ...วิธีจำอักษรให้ได้อย่างรวดเร็วก็คือ ให้จำเสียงพยัญชนะตัวแรกของแถวไว้


อะ คะ สะ ทะ นะ ฮะ ยะ มะ ระ วะ


เพราะภาษาญี่ปุ่นโดยหลักๆจะมีเสียงสระอยู่แค่ 5 เสียง (ก่อนที่จะผสมสระ) คือ อะ อิ อุ เอะ โอะ เราจะไว้แค่ อะ ก็พอแต่ถึงแม้ผสมคำแล้วนะ (ตารางที่ 3) ก็มีเสียงสระเพิ่มแค่อีก 3 เสียงเอง คือ เอียะ อยุ(อิ+ยุ) อโยะ(อิ+โยะ) เสียงผสมสามตัวนี้ออกจะยากไปหน่อย สำหรับคนที่อยากอ่านได้ ก็ค่อยๆฝีกกันไปนะคะ

วันนี้บทเรียนอาจจะหนักไปนิดส์นึง แต่ไหนๆจะเรียนภาษาญี่ปุ่นกัน ก็น่าจะรู้จักตัวอักษรเค้าไว้หน่อยนะคะ และเพื่อไม่ให้น่าเบื่อเกินไป เซ็นเซย์เอมจะให้การบ้านด้วยนะคะ โพสต์ตอบกันมาได้เลยค่ะ

การบ้าน
1. จงเขียนเสียงคำว่า
เป็นภาษาอังกฤษก็ได้ (ใบ้ให้ว่าไปดูเทียบจากตารางข้างบนนะ)

2. แอ๊บแบ๊วจังเจอกับอาโนเนะจังตอนเก้าโมงเช้า ต้องทักทายคำว่าอะไรเอ่ย

เจอกันพรุ่งนี้นะคะ


โพสเมื่อ : 8/6/2007 8:02

แก้ไขโดย kiat เมื่อเวลา 8/7/2007 21:46:59
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


Re: ประคับประคองรักอย่างมั่นคง
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404


อย่าลืมให้อภัยกันและกันเพราะช่วงชีวิตของคนเรามันไม่ได้ยาวนานเป็นร้อย ๆ ปี คุณควรใช้ช่วงเวลาที่มีอยู่มอบความรักความรู้สึกดี ๆ ทำให้คู่ชีวิตของคุณมีความสุขที่สุด ตราบเท่าช่วงชีวิตของคุณ...


ซึ้งมากเลย




ขอบคุณค่ะ

โพสเมื่อ : 7/6/2007 14:05
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


SENSEI - คุณครู
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404




โอ่-ฮา-โย่ ทุกๆคนค่ะ
เผลอแป๊ปเดียว อีกวันเดียวก็จะสุดสัปดาห์อีกแล้วนะคะ แหม...ช่างเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยกันจริงๆเลยใช่มั้ยล่ะ เรียนภาษาญี่ปุ่นกันมาตั้งหลายวันแล้ว นักเรียนยังเรียกคุณครูเป็นภาษายญี่ปุ่นไม่เป็นเลยเนอะ เพราะฉะนั้น เป็นโอกาสดีที่ป้าเอมจะได้สอนคำนี้ให้ซะเลย ฮ่าๆ

จำลองสถานการณ์...
ในห้องเรียนแห่งหนึ่ง นักเรียนนามว่า อี๊กคิวซัง ยกมือถามคุณครู...

อี๊กคิวซัง : (ยกมือ) "เซ็น-เซย์" ครับ 2+2 เท่ากับเท่าไหร่ครับ
คุณครู: 4 จ้ะ

ค่ะ คำศัพท์วันนี้คือ "เซ็น-เซย์" ซึ่งก็แปลว่า "คุณครู" นั่นเองค่ะ
มาลองดูตัวอักษรญี่ปุ่นกันนะคะ




SEN-SEI

ต่อไปนี้ ป้าเอมจะพยายามนำเสนอทั้งตัวฮิรางานะ(พยัญชนะมาตรฐาน) และตัวคันจิ(ตัวจีน)ค่ะ
**พรุ่งนี้ ป้าเอมจะสลับฉากแนะนำตัวอักษรในภาษาญี่ปุ่น ที่ใครๆว่ายากนักยากหนา ว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร มีกี่แบบ อดใจรอไว้ก่อนนะคะ

อะ...ออกเสียงกันดูนะคะ นึง ส่อง ซ่ำ

เซ็น-เซย์

ดีมากค่ะ

อ้อ ที่ต้องมี"ย์"นั่นน่ะ เป็นไอเดียของป้าเอมเอง เพราะคำนี้นะคะ คำที่สองมันมาจาก เซ+อิ แต่คนญี่ปุ่นเค้าไม่ออกเสียง อิ นะ แต่เค้าจะลากเสียงยาวออกไป คือออกเสียง อิ น้อยๆข้างท้าย ป้าเอมว่า มันจะคล้ายๆเสียง "say" ในภาษาอังกฤษน่ะ


คำว่า "เซ็น-เซย์" เนี่ย นอกจากเค้าจะใช้เรียกคุณครู อาจารย์กันแล้ว คนญี่ปุ่นก็จะเรียก "หมอ" ด้วยค่ะ แรกๆที่เรียนภาษาญี่ปุ่นนะ ป้าเอมฟังแล้วก็ง๊งงงว่า บอกว่าจะไปหาหมอ แต่ดันพูดว่าไปหา"เซ็น-เซย์" แล้วตกลงจะไปโรงพยาบาลหรือโรงเรียนกันแน่ 555 คงเหมือนบ้านเรามั้ง เห็นบางทีพวกนางพยาบาลก็เรียกหมอว่า"อาจารย์" หรือ "อาจารย์หมอ" ใช่มะ แล้วก็อาจจจะใช้คำว่า "เซ็น-เซย์" เรียกผู้ที่เราเคารพนับถือก็ได้นะ

ทบทวนพร้อมกันอีกครั้งนะคะ นึง ส่อง ซ่ำ

เซ็น-เซย์

เก่งมากค่ะ

โอเค ต่อไปนี้ อนุญาตให้เรียกว่า "เซ็น-เซย์" ก็ได้ค่ะ ฮ่าๆ ...พูดเล่นน่--า


โพสเมื่อ : 7/6/2007 8:41

แก้ไขโดย aemchan เมื่อเวลา 7/7/2007 17:16:58
แก้ไขโดย kiat เมื่อเวลา 8/7/2007 21:47:27
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


Re: @@ ชวนคนนอนดึกมาคุยเรื่อยเปื่อย ภาค#1 อีกรอบค่ะ@@
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404
อ้างถึง:
Ornchan เขียนว่า: เมื่อคืนสลบค่ะ หลับๆ ตื่นๆ ดู DVD series เรื่อง LOST ไปๆมาๆ สุดท้ายก็ต้องปิด ตอนนี้ป้าเอมมาแอบนอนหลับอุตุอยู่ตรงนี้ สงสัยทำงานเว็บหนักไปหน่อย...เด๋วจะคอยอัดเสียงกรน 555 แอบนินทากันเอง เย็นนี้กินอะไรดีน๊า...คิดนานไปรึปล่าวเนี่ย อิอิ




อุเหม่ แอบมานินทาตูตั้งกะเมื่อไหร่


ป้าอรก็นะ เวลาหลับไปตอนดูDVDน่ะ กลายเป็นน้องเน่าทุกทีเลย

(น้องเน่า = หลับไปโดยไม่อาลน้ำถึงเช้า ว๊าย เหม็น)

โพสเมื่อ : 6/6/2007 17:56
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


17 คำบอกเลิกซ้ำซากและฮิตมาก
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404



17 คำบอกเลิกที่ซ้ำซากและฮิตมาก

1."เราต่างกันเกินไป"
(แหมประโยคนี้ทำให้ต้องถามกลับว่าแล้วเธอมาจากดาวไหนล่ะ?)

2."เราไปด้วยกันไม่ได้"
(จะไปไหนเหรอ? ถึงไปด้วยกันไม่ได้..ถ้านรกก็เชิญไปคนเดียวละกัน)

3."ยังมีคนอื่นที่ดีกว่าฉันนะ"
(แน่น๊อน! อันนี้รู้อยู่แล้ว)

4."เธอไม่ใช่"
(ไม่ใช่อารายว๊ะ? )

5."เธอไม่ใช่คนนั้น"
(อืม...แล้วคนไหนล่ะ?)

6."ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะ"
(ดี ไม่เปลือง)

7."ฉันอยากมีพี่ชาย (น้องสาว)"
(ผมไม่ได้อยากได้น้องสาวนี่, ฉันไม่ได้อยากมีพี่ชาย)

8."ฉันชอบเธอแบบพี่ชาย (น้องสาว) มากกว่า"
(งั้นผมคงเป็นพี่ชายคนที่ 8 ของเธอ, ฉันคงเป็นน้องสาวคนที่ 9 ของเธอ)

9."มันสายไปแล้วล่ะ"
(จริงๆ น่าจะจบกันตั้งนานแล้วนะ ฮ่าๆๆ)

10."เราจบกันแค่นี้นะ"
(อ้าว! แล้วจะให้จบแค่ไหนอ่ะ)

11."เธอเป็นคนดีเกินไป"
(ชอบคนเลวใช่ไหม.....ด๊ายยย เดี๋ยวจัดให้ )

12."เธอก็น่าจะรู้"
(ฉันไม่ได้มีพลังจิตนะจะได้อ่านใจคนได้น่ะ)

13."เธอไม่เข้าใจฉัน"
(แล้วจะให้ไปเข้าทางไหนล่ะ)

14."เราเป็นแค่เพื่อนกันดีกว่านะ"
(เพื่อนมีเยอะแล้ว เพื่อนมีแยะแล้ว)

15."เธอตัดใจซะเถอะ"
(ตัดก็ตาย เด้)

16."เราเหมือนเส้นขนานกันนะ"
(เส้นขนานอย่างน้อยก็ยังไปด้วยกันได้)

17."นึกถึงความจริงบ้างสิ"
(แล้วนี่ฉันฝันอยู่หรือไง) ~*

*~ เนี่ยแหละ 17 ประโยคที่นำพาความเจ็บช้ำ ห้ามพูดเด็ดขาดนะ รู้ไว้ซะ ไม่ชอบ ฟังแล้วเซ็งที่สุดดังนั้นใครที่ตั้งใจจะบอกเลิกกับแฟนก็ควรคิดประโยคใหม่ๆ เพื่อจะทำให้คนที่ได้ฟังลดอาการเซ็งจากการอกหักลงได้บ้าง~*?


โพสเมื่อ : 6/6/2007 8:26
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


DOZO - เชิญ
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404






สวัสดีค่ะ

วันนี้ป้าเอมมาเสนอคำศัพท์ที่อาจจะเคยได้ยินกันอยู่บ้างแล้วนะคะ มาดูตัวอย่างกันเลยค่ะ

จำลองสถานการณ์...
ในร้านแมคโดนัลด์ ขณะที่พระเอกสรพงศ์กำลังเดินหาที่นั่ง ก็เหลือบไปเห็นเก้าอี้ตัวว่างตัวหนึ่ง

สรพงศ์ ชาตรี: คุณพี่ครับ ไม่ทราบว่าเก้าอี้ตัวนี้มีคนนั่งหรือปล่าวครับ

สมบัติ เมทะนี: ไม่มีครับน้อง นั่งด้วยกันเลยสิครับ พระเอกเหมือนกันต้องนั่งด้วยกันนะครับ "โด้-โสะ"

เป็นไงคะ คุ้นๆกันมั้ยเอ่ย ใช่แล้วค่ะ คำว่า "โด้-โสะ" ค่ะ

DO-ZO

คำว่า "โด้-โสะ" จะต้องออกเสียง "โสะ" เป็นเสียง Z ด้วยนะคะ คำนี้ก็ง่ายๆค่ะ แปลว่า "เชิญ" ไม่ว่าจะเป็นการเชิญกิน เชิญนั่ง เชิญยืน เชิญทุกอย่างได้เลยค่ะ นอกจากนี้ก็สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ที่เป็นในกรณีของการเชิญแบบให้อนุญาตค่ะ เช่น ป้าเอมเห็นเสื้อป้าอรสวย ก็เลยถามว่า"ขอยืมเสื้อได้มะ" ป้าอรก็ตอบว่า"โด้-โสะ"(ใจดี๊ใจดี)

ไหนมาลองออกเสียงกันดู อย่าลืมเสียง "โสะ" เป็นเสียง Z ด้วยนะคะ นึง ส่อง ซ่ำ

โด้-โสะ

เก่งมากค่ะ

คำว่า "โด้-โสะ" เนี่ย ก็ถือเป็นคำฮิตคำนึงในภาษาญี่ปุ่นในบรรดาชาวต่างชาตินะ คือว่ามันจำง่าย และใช้ง่ายด้วยไง ที่บ้านเราก็ฮิตขนาดกลายมาเป็นชื่อขนมที่ลูกเด็กเล็กแดงติดกันงอมแงม ป้าเอมก็แย่งลูกกินบ่อยๆค่ะ อร่อยดี เพราะผงชูรสเยอะมา--ก ชอบชื่อขนม ความหมายดี แบบว่า "เชิญทานสิคะ" อะไรประมาณนี้ล่ะมั้ง

**ออกเสียงได้ทั้ง "โด้-โสะ"และ"โด้-โซะ" นะคะ แต่ตัว"โด"เนี่ย ต้องออกเสียงเน้นยาวหน่อยค่ะ




สั้นๆแต่ได้ใจความนะคะ

หม่าต๊ะ อะชิตะ เนะ
(จำกันได้ป่าว)


โพสเมื่อ : 6/6/2007 8:17

แก้ไขโดย aemchan เมื่อเวลา 7/7/2007 17:30:34
แก้ไขโดย kiat เมื่อเวลา 8/7/2007 21:47:59
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


OISHII - อร่อย
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404




สวัสดีค่ะ

วันนี้ เรามาคั่นรายการกันดีกว่า เดี๋ยวบทเรียนจะซีเรียสเกินไป ไม่ตรงคอนเซ็ปต์คุณครูเอมค่ะ เรามาเรียนคำที่เอาไปใช้กันได้บ่อยๆดีมะ ก็เห็นแต่มีคนชอบพูดไทยคำอังกฤษคำนี่นา คราวนี้แล่ะ... ป้าเอมจะมาเผยแพร่ลัทธิที่ตั้งเองว่า "ดัดจริตสามภาษา" คือ มิกซ์เวอร์ชั่น ไทยคำ อังกฤษคำ ญี่ปุ่นคำ เอาแบบให้คนฟังงงว่า คนนี้เป็นลูกครึ่งชาติไหนกันน้อออ (ป้าเอมเป็นลูกครึ่งสวยครึ่งงามค่ะ ฮิฮิ) แต่ที่สำคัญ จะเข้าลัทธิได้ต้องหัดแทรกคำที่เรียนมาเข้าไปในประโยคแทนคำไทยให้บ่อยๆนะคะ 555

เริ่มกันเลยดีกว่า จำลองสถานการณ์...
ในร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่ง ขณะที่น้องฉันทนากำลังเลือกดูเมนูอยู่นั้นก็อุทานว่า

น้องฉันทนา: อุ๊-โซ่---(จำกันได้มั้ยเอ่ย) ร้านนี้มีเมนูที่ฉันทนาอยากกินอยู่พอดีเลย

พี่สายัณห์: เมนูอะไรเหรอจ๊ะ คนสวย

น้องฉันทนา: เนี่ยค่ะ(พลางชี้เมนู) "ฟองดูปลาร้า" ไงคะ ฉันทนาเคยกินที่ LA(ร้อยเอ็ด)บ่อยๆ

พี่สายัณห์: รสชาติมันเป็นอันหยังก่อ น้องเอ๋ย

น้องฉันทนา: "โอ-อิ-ชี่" มากเลยค่ะ พี่ขา สั่งโลดเด้อค่ะ


ค่ะ วันนี้ป้าเอมภูมิใจเสนอคำว่า "โอ-อิ-ชี่" นั่นเอง

 ตัวคันจิค่ะ-->


O-I-SHI-I

ออกเสียงกันดูนะคะ นึง ส่อง ซ่ำ

โอ-อิ-ชี่

เก่งมากค่ะ


"โอ-อิ-ชี่ ก็แปลเป็นไทยได้ว่า "อร่อย" ค่ะ ง่ายจริงๆ
แหม หลายคนคงจะท้วงติงว่า ทำไมไม่อ่านว่า "โอ-อิ-ชิ" เหมือนร้านอาหารบุฟเฟ่ญี่ปุ่นชื่อดังกันนะ แน่นอน ทุกคนคงคุ้นเคยอยู่กับชื่อร้านอาหารและผลิตภัณฑ์ชาเขียว (ที่ประดังกินจนท้องบวมหวังจะได้เงินล้านกันไง) แต่ป้าเอมก็ขอชี้แจงกันตรงนี้เลยนะคะว่า ภาษาญี่ปุ่นที่ถูกต้องของคำนี้ จะต้องออกเสียงว่า "โอ-อิ-ชี่" (*คำท้ายลากเสียงยาว เพราะมาจาก ชิ+อิ = ชี่ ค่ะ)
ป้าเอมเดาเอาว่า ที่เค้าเรียกกันว่า "โอ-อิ-ชิ" เนี่ย ก็เพื่อให้เรียกง่ายๆไง แล้วก็ฟังดู ชิๆ อิๆ เป็นญี่ปุ๊นญี่ปุ่นดีนะ แต่ถ้าเราจะพูดว่า "อร่อย" ให้คนญี่ปุ่นฟัง ก็ควรจะพูดว่า..ว่าไงนะคะ...ถูกต้องค่ะ "โอ-อิ-ชี่"

ซ้อมกันอีกรอบค่ะ นึง ส่อง ซ่ำ

โอ-อิ-ชี่

แจ๋วมากค่ะ

คำนี้นะคะ ถ้าเป็นผู้ชายญี่ปุ่นพูดเนี่ย ในกรณีที่พูดสุภาพมากๆก็จะใช้ "โอ-อิ-ชี่" นี่แล่ะ แต่ถ้าพูดธรรมดากับคนรู้จักหรือเพื่อนๆนะ เค้าจะใช้คำอื่นล่ะ คนละคำไปเลย คำที่ว่าก็คือ "อุ-ไม" ค่ะ (ป้าเอมแอบแถมคำอีกแล้ว 555)

 (U-MAI)

ก็แปลว่า "อร่อย" เหมือนกันเป๊ะเลยแล่ะ ป้าเอมว่าฟังดูมันก็ได้อารมณ์ดีนะ พอใช้คำว่า "อุ-ไม"เนี่ย ไม่รู้ทำไมมันเหมือนแสดงความรู้สึกได้มากกว่าน่ะ อาจจะเป็นเพราะผู้ชายญี่ปุ่นเค้าพูดใส่อารมณ์ด้วยมั้ง
ส่วนสาวๆ ก็กรุณาอย่าใช้ เพราะไม่นิยม จะใช้ก็ไม่ว่า แต่อย่าใช้ดีกว่า (เข้าใจป่าวเนี่ย) สาวๆ ก็ใส่อารมณ์ได้เวลาพูดว่า "โอ-อิ-ชี่"นะ เทคนิคคือ ลากเสียง "ชี่"ให้ยาวกว่าปกติอีกซัก 2-3 วิ พร้อมทำหน้าแอ๊บแบ๊วด้วย จะน่ารักน่าหยิกมากเลยค่ะ ฮี่ฮี่ (อ้อ คำว่า "อุ-ไม" แปลได้อีกอย่างว่า "เก่ง" ก็ได้ด้วยค่ะ)

อ้อ นึกออกพอดี ใครอยากฟังคำศัพท์วันนี้ ก็ลองเปิดไปดูรายการพวก "ทีวีแชมเปี้ยน" ตอนแข่งทำอาหารหรือขนม ไม่ก็รายการ "Dotch ศึกตะหลิวผู้พิชิต" ที่เค้ามีเมนูมาล่อใจสองฝั่ง แล้วให้เลือกน่ะ ที่ช่องทรูเอ๊กไซท์ แล้วเปิดเสียงให้เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ จะได้ยินกันเพียบเลย "โอ-อิ-ชี่" กับ "อุ-ไม" ค่ะ

สำหรับวันนี้ บ๊ายบายค่ะ
หนีไปหาอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆกินดีกว่า...รับรองว่า "โอ-อิ-ชี่"


โพสเมื่อ : 5/6/2007 7:32

แก้ไขโดย aemchan เมื่อเวลา 7/7/2007 17:31:07
แก้ไขโดย kiat เมื่อเวลา 8/7/2007 21:49:09
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


Re: วันนี้คุณ "แอ๊บแบ๊ว" กันหรือยัง?!
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404
อ้างถึง:

NuJew เขียนว่า:
Open in new window


เอาเป็น Venti Double Chocolate Cream Frappuccino นะพี่


สุดยอดเลยยยยยย
เข้าข่ายแอ๊บแบ๊วที่สุด บริเวณปากเล็กๆนี่แล่ะ

หนูจิ๋ว ไปขึ้นรางวัลกับป้าอรนะ (อ้าว...) เดี๋ยวป้าเอมเคลียร์บัญชีเองค่า--

โพสเมื่อ : 4/6/2007 17:51
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


Re: O GENKI DESUKA
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404
อ้างถึง:

Ornchan เขียนว่า:
โอโห เซ็นเซสุมิโตะรา บ้าพลังมาก ลุกขึ้นมาโพสต์ตั้งแต่ 6 โมงกว่ากันเลยทีเดียว ขอปรบมือให้ 3 ทีค่า...ปาจิปาจิปาจิ

สำนวนสนุกสนานเช่นเคย เป็นกระทู้ประจำที่พลาดไม่ได้ของหลายๆ คนในเว็บนี้ไปซะแล้วล่ะ (รวมทั้งน้องสาว)...ภูมิใจพี่สาวฝาแฝดจัง ถึงไม่สวยแต่ก็เก่งมากจ้ะ ฮี่ฮี่


ขอบใจจ้ะ น้องสาวฝาแฝดที่(ไม่รู้ตัวว่า)สวยน้อยกว่า
พอดีวันนี้ต้องออกแต่เช้า แล้วก็เลยไปฟิตเนสยาววว
กลัวว่านักเรียนเข้ามาจะไม่มีอะไรเรียน ก็เลยรีบโพสต์อ่ะ

แหม ระดับป้าเอม น้อยกว่านี้ได้งัย ก๊ากๆๆ

โพสเมื่อ : 4/6/2007 16:54
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer


เกร็ดความรู้เล็กๆน้อย...มีประโยชน์มากค่ะ
มืออาชีพ
เป็นสมาชิกเมื่อ:
21/5/2007 18:21
กลุ่ม:
สมาชิก
โพส: 404

เกร็ดความรู้เล็กๆน้อย
เมื่อหมากฝรั่งติดเสื้อผ้า จะมีวิธีเอาออกอย่างไร

อย่าตกใจค่ะ เพราะเรามิวิธีง่ายๆที่คุณเองก็คาดไม่ถึงกับการกำจัดหมากฝรั่งที่เหนียวหนึบขนาดนั้นโดยที่

เสื้อผ้ายังคงเดิมง่ายๆโดยการนำผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบที่หมากฝรั่งเป็นเวลา 5 นาที? ดูจนหมากฝรั่งเริ่มจับตัว

เป็นก้อนแข็ง แล้วค่อยๆแกะออก หมากฝรั่งจะหลุดร่อนออกมาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ทิ้งใยเหนียวๆติดเสื้อผ้าเลย

แม้แต่น้อยค่ะเป็นเพราะความเย็นจากน้ำแข็งไปทำให้ความสามารถในกาiยืดหยุ่นของหมากฝรั่งจับตัวกันค่ะ

จะทำอย่างไรให้เค้กหั่นเป็นชิ้นสวยงาม
หน้าเทศกาลปีใหม่ หรือวันเกิด ย่อมหนีไม่พ้นที่จะทานเค้กแต่มักมีปัญหาเรื่อง การหั่นเค้ก? แก้ไขง่ายๆ

เริ่มด้วยคุณต้องเอามีดที่จะใช้ตัดเค้กนั้น? ไปแช่ในน้ำร้อน สักพัก แล้วจึงนำมีดไปตัดเค้ก ความร้อนจากมีดจะไม่

ทำให้เค้กติดมีด เท่านี้ชิ้นเค้ก ที่ตัดก็สวยงามไม่เลอะเทอะ

ละลายเนื้อจากช่องแช่แข็งได้เร็วโดยไม่เสียรสชาด วิธีง่ายๆ ให้เนื้อที่ Freeze ไว้ในตู้เย็นละลายได้เร็ว เพียงคุณนำหม้อแสตนเลสมา 2 ใบ นำไปหนึ่ง
คว่ำ เอาเนื้อชิ้นที่ต้องการละลายวางไว้บนก้นหม้อที่หงายขึ้นแล้วเอา หม้ออีกใบวางทับเนื้อ โดยใช้ด้านก้นหม้อ

เพียง15 นาที เนื้อที่แข็งจนหั่นไม่เข้าก็นิ่มจนสามารถนำไปปรุงอาหารได้แล้วค่ะ ที่เป็นเช่นนี้เพราะแสตน

เลสมีคุณสมบัติ ในการนำพาความร้อนและเย็น ความเย็นจากเนื้อถ่ายสู่เนื้อหม้อทั้งบนและล่างทำให้เนื้อคลายตัวได้

เร็วกว่าการนำไปเวฟทั้งยังไม่เสียรสชาดอีกด้วยค่ะ

ปอกเปลือกไข่ต้มได้สวยงาม
เริ่มด้วยการนำไข่ต้มที่จะปอกทั้งเปลือก มาใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด เรียงชั้นเดียว นะคะ แล้วเติมน้ำให้

ท่วมไข่ สูงกว่าไข่ประมาณ 1 นิ้ว แล้วปิดฝา เมื่อปิดฝาเรียบร้อย คุณก็เขย่าเลยค่ะ ให้แรงๆเลย ไม่ต้องกลัวไข่

แตก แล้วเปิดฝาออก นำไข่มาปอก เปลือกได้โดยง่ายดาย สวยงาม เป็นเพราะน้ำที่ใส่เข้าไปแทรกตัวในรอย

แตก และการกระแทกกันของไข่ก็เป็นการบุบเปลือก จึงทำให้ไข่ปอกได้สวยง่ายดายค่ะ

วิธีทำให้หายเจ็บมือเวลาหิ้วถุงหนักๆ เวลาคุณแม่บ้านหรือคุณพ่อบ้านหิ้วถุงก๊อบแก๊บที่บรรจุของไว้มากมาย เวลาจ่าย ตลาดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ความหนักของของจะรั้งหู้ถุงให้ตึงแล้วมือก็จะเจ็บช้ำเป็น รอย เคล็ดลับก็คือคุณเอาเหรียญ 10 บาทนี่แหละค่ะ

สอดไว้ระหว่างมือและหูถุง ที่สัมผัส ใส่สัก 2 เหรียญตามน้ำหนักถุง เมื่อถุงตึงเวลาหิ้ว เหรียญ 10 บาทจะรับน้ำ

หนักกดทับแทนเนื้อที่ฝ่ามือ ทำให้คุณหิ้วได้อย่างสบาย ไม่เจ็บมือเลยค่ะ

จะแก้สร้อยคอที่พันกันได้อย่างไร
สำหรับสร้อยคอ หรือสร้อยข้อมือที่เก็บไว้นาน จนพันกันยุ่งเหยิงแกะไม่ออกซะที

มีวิธีแก้ปมง่ายๆ ไม่เสียเวลาค่ะ โดยการโรยแป้งฝุ่นแป้งที่ทาตัวนี่แหละค่ะไปตรงปม ที่พันกันสักหน่อย

แล้วค่อยๆเอามือขยี้ไปมา สักพักปมก็จะคลายออกอย่างง่ายดาย เนื่องจากแป้งจะแทรกตัวไปตามเนื้อโลหะของ

สร้อยและทำให้การเสียดสีคลายตัวได้ง่ายขึ้นค่ะ

ทำอย่างไรให้พรมที่ถูกเฟอร์นิเจอร์ทับนานๆฟูขึ้นเหมือนเดิมบ่อยครั้งนะคะที่เราย้ายเฟอร์นิเจอร์เพื่อเปลี่ยนมุมบ้านให้แปลกตาขึ้น สำหรับบ้าน ที่ปูพรมมักเจอปัญหา
รอยบุ๋มของพรมที่ถูกเฟอร์นิเจอร์ทับเป็นเวลานาน เคล็ดลับก็ง่ายๆค่ะ แก้ให้พรมฟูขึ้นโดยนำน้ำอุ่นไปผสมน้ำยาปรับ

ผ้านุ่ม คนให้เข้ากัน แล้วนำแปรงสีฟันจุ่มน้ำไปทาทึ้งตรงรอยบุ๋มนั้น พอหมาดๆจึงนำ ไดร์มาเป่าพร้อมดึงใยพรมไป

ด้วยเท่านี้พรมก็จะฟูขึ้นเสมอจุดอื่นๆไม่ทิ้งรอยบุ๋ม ดังเดิมค่ะ

วิธีเช็ดกระจกเงากระจกเงาที่ส่องไม่ชัดมัวสกปรกให้ล้างด้วยสบู่ หรือ ผงซักฟอกกับน้ำอุ่น
แล้วชโลมด้วยน้ำส้มสายชู เมื่อกระจกแห้งก็จะดูงามน่าใช้

อีกวิธีหนึ่งให้ใช้ผ้าชุบน้ำ แล้วบิดให้สะเด็ดน้ำปาดด้วยยาสีฟันสักเล็กน้อยใส่ลง บนกระจก ละเลงให้ทั่วให้

ผ้าเช็ดหน้าเช็ดทำความสะอาดเสร็จแล้ว เอาผ้าแห้ง ถูอีกครั้ง

เจาะกระจกหาดินเหนียวหมาดๆ มาพอกกระจกให้หนาประมาณนิ้วครึ่งถึงสองนิ้ว แล้วเจาะรู เล็กๆ ที่ดินเหนียว
(ตามขนาดที่ต้องการ)เอาตะกั่วไปหลอมให้ละลายเอาไปหยอด ในรูนั้นทิ้งไว้ให้เย็นจึงแกะออก กระจกจะมีรูทะลุ

ตามต้องการ

เมื่อกาวตราช้างติดมือ
กาวตราช้างซึ่งมีคุณสมบัติในการติดวัสดุได้แน่นเป็นพิเศษเวลาใช้จึงต้องระวังไม่ ให้กาวโดนนิ้วมือหรือผิว

หนังตามร่างกายเพราะเวลาดึงกาวออกผิวหนังจะหลุดติด ออกมาด้วย ทำให้เจ็บแสบ และมีเลือดซึม แต่ถ้ากาว

ถูกผิวหรือนิ้วมือไปแล้ว ก็มีวิธีแก้คือให้นำน้ำยาล้างเล็บหรือทินเนอร์ทากาวจะละลายไปเอง

กระเทียมกำจัดแมลง
ต้นไม้ที่กำลังออกดอกชูช่อสวยงามพวกแมลงชอบเข้ามาทำลายและกัดกินจนคน ปลูกอ่อนใจ เคล็ดลับกำจัด

แมลงพวกนี้ไม่ให้เข้ามาข้องแวะกับดอกไม้ของคุณ คือให้นำกลีบกระเทียมวางรอบๆ พุ่มดอกไม้ กลิ่นกระเทียมวางรอบๆ พุ่มดอกไม้

กลิ่นกระเทียมจะช่วยขับไล่แมลงไม่ให้มารบกวนดอกไม้ของคุณอีกต่อไป

วิธีแก้แกงจืดเค็ม
ถ้าต้มแกงจืดแล้วเค็มเกินไป เติมน้ำมากเกินไปจะทำให้หย่อนรสอร่อย

แก้ได้โดยใช้แป้งหมี่หรือข้าวสารที่ล้างสะอาดแล้วห่อด้วยผ้าขาว หย่อนลงไปต้ม ในหม้อน้ำแกง สักครู่หนึ่ง

รสเค็มจะค่อยๆถูกดูดไป น้ำแกงจะหายเค็ม นอกจากนี้ยัง ใช้มันฝรั่งแก้เค็มได้ แต่ต้องปอกเปลือกออกให้หมด

แล้วใส่ลงไป ทิ้งไว้สักครู่จึงตัก มันฝรั่งขึ้น ความเค็มจะถูกดูดออกเช่นกัน


โพสเมื่อ : 4/6/2007 13:10
_________________
Open in new window
Transfer the post to other applications Transfer