มือวาง
เป็นสมาชิกเมื่อ: 15/5/2007 16:45
กลุ่ม:
สมาชิก
|
เรื่องเล่า เพื่อการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม
ฤาษีผู้มีฤทธิ์ตนหนึ่งสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ดำน้ำลุยไฟได้ เช้ามืดวันหนึ่ง หลังจากออกจากณานแล้วอยาก จะหาเพื่อนคุยแก้เหงาบ้าง แต่ไม้รู้จะคุยกับใครดีเพราะไปชวนคุยมาหมดแล้วพอดีพระอาทิตย์โผล่ยอดเขามาพอดี ได้เพื่อน คุยแล้วละ ฤาษีคิดพร้อมเหาะลิ่วไปหาพระอาทิตย์ ถึงรัศมีพระอาทิตย์จะร้อนแรงอย่างไรก็หาได้ระคายเคืองผิวฤาษีไม่ด้วย อำนาจณานของท่าน พอเข้าไปใกล้จึงถามว่า "ท่านอาทิตย์ ท่านไม่เบื่อบ้างหรือไง ขึ้นแล้วตกๆ ทุกวัน ตรงตามเวลาด้วย" "เบื่อไม่ได้หรอกท่านฤาษี มันเป็นหน้าที่ของข้าพเจ้าอยู่แล้ว" พระอาทิตย์ตอบด้วยอารมณ์ดี "ท่านทำหน้าที่แข็งขัน ไม่เคยเบื่อหน่าย ไม่เคยเบี้ยวสักวันพวกมนุษย์เข้ารู้สึกต่อท่านอย่างไร ท่านรู้ไหม" ฤาษีเริ่ม เปลี่ยนเรื่อง "เออนั่นสิ แล้วมนุษย์เขารู้สึกอย่างไรกับข้าพเจ้ากันบ้าง ท่านก็เป็นมนุษย์ ท่านลองเล่าให้ฟังบ้างสิ" พระอาทิตย์ถาม ฤาษีบ้าง เวลาท่านขึ้นไปอยู่กลางฟ้านะ คนที่กำลังเดินทางอยู่กลางแดดก็จะบ่นนินทาท่านว่าวันนี้ทำไมมันร้อนเปรี้ยงอย่างนี้ ร้อนจะตับแตกอยู่แล้วอะไรทำนองนี้แต่คนที่ซักผ้ากำลังตากผ้าอยู่กลับชอบและชมท่านนะว่าแดดดีจังเลยพระอาทิตย์เป็นใจ" "แล้วคนที่ด่าข้าพเจ้านั้นเขาชังข้าพเจ้า และคนที่เขาชมข้าพเจ้านั้นเขาชอบข้าพเจ้าหรือไงกัน" พระอาทิตย์ชักสนุกใน การคุยจึงย้อนถาม "ก็คงไม่ใช่มั้ง เพราะคนที่ด่าท่านไว้ วันหลังเขาไม่ได้ไปไหนนั่งนอนอยู่แต่ในบ้าน เขาก็มิได้บ่นหรือสนใจท่าน ท่าน จะแผดแสงเปรี้ยงหรือผ่อนเย็นลงอย่างไรเขาไม่รับรู้ด้วย ส่วนผู้ที่เคยชมท่านวันหลังพอท่านถูกเมฆบังหนาทึบจนไม่มีแดด ให้เขาตากผ้า เขาก็บ่นเอากับท่านเหมือนกัน เอาแน่นอนไม่ได้หรอกท่าน" "มนุษย์เขาเป็นกันอย่างนี้หรือท่านฤาษี" "เป็นอย่างนี้แหละ อย่าว่าแต่ท่านเลย แม้พระวัสสุเทพเจ้าแห่งฝนก็โดนมนุษย์เขาเล่นงานเสมอจนมีคนพูดกันว่าฝน ตกก็แช่งฝนแล้งก็ด่า แล้วท่านไม่คิดจะลองเบี้ยวไม่ขึ้นสักวันหรือไร จะได้สั่งสอนมนุษย์ให้รู้สำนึกและระวังปากระวังคำกัน เสียบ้าง" ฤาษีแหย่เพื่อดูท่าที พระอาทิตย์รีบตอบทันที "โอ๊ย ไม่ได้หรอกท่าน มันเป็นหน้าที่มนุษย์เขาจะบ่นว่าหรือจะชมข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้า ไม่ได้ยินและไม่สนใจหรอก ว่ากันตามสบายเถอะ ข้าพเจ้าไม่ได้ดิบได้ดีหรือเดือนร้อนเพราะปากของพวกมนุษย์หรอก" ฤาษีนิ่งฟังอยู่ พระอาทิตย์เลยตัดบท "ขอบคุณท่านฤาษีมากนะที่มาชวนคุย วันหลังนิมนต์มาอีก"
เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า คนที่ทำหน้าที่ใหญ่ๆ และอยู่สูงย่อมถูกกระแสลมปากคนมากกว่าคนปกติเหมือนดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนฟ้า เรื่อง ของปากคนเราห้ามเขาไม่ได้ การยกย่องสรรเสริญและการนินทาว่าร้ายนั้นส่วนใหญ่เกิดจากความชอบความชังเป็นการส่วน ตัว และเกิดจากผลประโยชน์เป็นใหญ่ ถ้าเราเอื้อประโยชน์ให้เขาได้ ยิ่งให้มากจนจุใจเขา เขาก็ยกย่องสรรเสริญเราไม่ขาด ปาก ทั้งที่เราเองก็อาจมีจุดด้อยให้เขาด่าอยู่ แต่เขาจะมองข้ามไปเสีย แต่หากเราเอื้อประโยชน์ตามที่เขาต้องการไม่ได้ต่อให้ เราวิเศษและดีแสนดีอย่างไร เขาก็จะหาเรื่องมาด่ามานินทาเราจนได้ เรื่องของคนเป็นอย่างนี้ตลอดมา ท่านจึงสอนว่าให้ หนักแน่นเข้าไว้ มั่นคงเข้าไว้ ไม่หวันไหวไปตามลมปากไม่นำมาเป็นอารมณ์ ไม่อย่างนั้นเราเองนั่นแหละจะไม่เป็นตัวของตัว เอง จะเป็นทุกข์ฟุ้งซ่านและนอนไม่หลับเพราะเก็บเอาคำคนอื่นมานั่งคิดนอนคิดให้เป็นกังวลตลอดเวลา ต้องทำตัวทำใจให้ เหมือนดวงอาทิตย์ย่อมสุขกายสบายใจแน่นอน.
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี)
โพสเมื่อ : 6/3/2009 9:30
|